เลือกตั้งและการเมือง
สื่อทำเนียบตั้งฉายาสภา 67! เหลี่ยม (จน) ชิน - สว. "เนวิเกเตอร์"
26 ธ.ค. 2567
58 views
ฉายารัฐบาลไปแล้ว วันนี้เป็นคิวของสภา ปีนี้ได้ฉายา "เหลี่ยม(จน)ชิน" ส่วนวุฒิสภาได้ ฉายา "เนวิเกเตอร์" ขณะที่ดาวเด่น ยังไม่มีผู้ใดเหมาะสม ซึ่งสภาขาดมาต่อเนื่อง 3 ปีแล้ว
เริ่มจาก สภาผู้แทนราษฎร ได้รับฉายา "เหลี่ยม(จน)ชิน"
มีคำอธิบายถึงการ เขี่ยพรรคพลังประชารัฐ ออกจากพรรคร่วมรัฐบาล และดึงพรรคประชาธิปัตย์เสียบแทน แต่ไม่ปรากฏสาเหตุที่แน่ชัด มีเพียงสัญญาณจากนายใหญ่ตระกูลชินเท่านั้น และล้อการประชุมสภา ที่ยังมีการหักเหลี่ยมกัน ระหว่างพรรคเพื่อไทย กับพรรคภูมิใจไทย ในการพิจารณาร่างพ.ร.บ.ประชามติ
และยังมีอีกหลายเหลี่ยมที่เกิดขึ้นในสภาฯ ทำให้สมัยประชุมนี้ ต้องคุ้นชินกับเหลี่ยมของผู้ทรงเกียรติ
"วุฒิสภา" ได้รับฉายา "เนวิเกเตอร์"
มีคำอธิบาย ว่า กติกาการเลือกวุฒิสภาที่ซับซ้อนไม่หมู แต่กลายเป็น "กติกาหนู ๆ" เห็นได้จากผลการลงมติของ สว.ในเรื่องต่าง ๆ ที่จะเกาะกลุ่ม 150-160 เสียง ซึ่งถูกมองเป็นเครือข่ายสายตรงพรรคการเมืองสีน้ำเงิน สะท้อนให้เห็นว่า เบื้องหลังการลงมติ มีบ้านใหญ่บุรีรัมย์ เป็น "เนวิเกเตอร์" ชี้นำอยู่เบื้องหลัง
คุณวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ฉายา "รูทีนตีนตุ๊กแก"
ก็ล้อ นอกจากการปฏิบัติหน้าที่งานรูทีนได้ดีแล้ว ยังสามารถหนีบเก้าอี้ของตัวเองได้ดียิ่งกว่า "เหนียวแน่นหนึบ" ใครก็ไม่สามารถเปลี่ยนตัวประธานสภาฯ ได้
ขณะที่ คุณมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ได้ฉายา "ล็อกมง"
มีคำอธิบายว่า "ล็อกมงคล" มาตั้งแต่ไก่โห่ หลังมีกระแสข่าวค่ายน้ำเงินล็อก "มงคล" เป็นประธานวุฒิสภา และวุฒิสภายังเทคะแนนให้ด้วยมติท่วมท้น 159 เสียง จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสม หรือเป็นเด็กนายที่ล็อกมงมาแต่แรก
คุณณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้ฉายา "เท้งเต้ง"
มีคำอธิบายถึงการทำงานของผู้นำฝ่ายค้านฯ ป้ายแดง ที่ถูกมองว่า ไม่โดดเด่นเท่าลูกพรรคหลายคน "ดูเคว้งเท้งเต้ง" ซ้ำยังเหมือนฝ่ายค้านพรรคเดียว แม้จะ "มีลุง" มาเสริมทัพ กลับไร้แนวร่วม เป็นฝ่ายค้านโดดเดี่ยวที่ไม่โดดเด่น
ส่วน ดาวเด่น ในปี 2567 สื่อมวลชนปรจำรัฐสภา เห็นว่า "ไม่มีผู้ใดเหมาะสม" และโดดเด่นเพียงพอ ซึ่งต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 แล้วที่ไม่มีใครได้รับตำแหน่งนี้
ในขณะที่ ดาวดับในปี 2567 มี 2 คน
คนแรก บิ๊กป้อม "พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ" จากพี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์ มากบารมี กลายเป็นหมดราศี เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ทั้งถูกร้องจริยธรรมโดดประชุม 84 ครั้ง จากนัดประชุม 95 ครั้ง เรียกได้ว่า ไม่ทำงานจนดับ หนำซ้ำยังถูกขับออกจากพรรคร่วมรัฐบาล
คนที่ 2 "สส.แก้วตา ธิษะณา ชุณหะวัณ สส.กทม. พรรคประชาชน"
จากการทำหน้าที่อภิปรายในสภา ยกกรณี อ่านตัวเลขผิด และยังอินกับสิทธิเสรีภาพ ถึงขนาดให้รัฐบาลรับรองสิทธิชาวเมียนมา เป็นประเด็นในโซเชียล สะท้อนว่า แม้พรรคฯ จะสนับสนุนมาก แต่เจ้าตัวกลับดับโอกาสนั้นเอง
นอกจากนี้ ยังมี "วาทะแห่งปี 2567" กับประโยค "..ทำให้คนไทย มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี.." ของ คุณแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2567
"เหตุการณ์แห่งปี 2567" คือ "พรรคเพื่อไทย" เทียบเชิญ "พรรคประชาธิปัตย์" เข้าร่วมรัฐบาล 28 สิงหาคม 2567 ที่รัฐสภา ถือเป็นการปิดตำนานความขัดแย้งยาวนานกว่า 2 ทศวรรษ ระหว่าง 2 พรรคการเมืองใหญ่
คู่กัดแห่งปี ได้แก่ คุณพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 และ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย ซึ่งอยู่พรรคเดียวกัน
เหตุการณ์เมื่อ 24 ต.ค.2567 วันนั้น นพ.ชลน่าน มีการปะทะคารม และถึงขั้นชี้หน้า คุณพิเชษฐ์ ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมการประชุม และบอกว่า หากทำหน้าที่ไม่ได้ ก็ให้รองประธานฯ อีกคนมาทำหน้าที่แทน
ทำให้คุณพิเชษฐ์ ของขึ้นโต้กลับ ว่า "ไม่ต้องชี้หน้า อยากเป็นก็ขึ้นมา"
รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/KK166MgYeQU
แท็กที่เกี่ยวข้อง ฉายาวุฒิสภา ,ฉายาสภา67