เลือกตั้งและการเมือง

ไขปมดับ 'ผิง ชญาดา' สสจ.ชี้ติดเชื้อในกระแสเลือด แม่เชื่อนวดหักคอผิดท่า แจ้งความร้านรับผิดชอบ

โดย paweena_c

9 ธ.ค. 2567

136 views

สสจ.แถลงปม 'ผิง ชญาดา' เสียชีวิต ไม่ฟันธงเกิดจากไปนวดบิดคอ ต้องรอตำรวจสอบสวน ด้านแม่เชื่อสาเหตุที่ลูกเสียชีวิต เกิดจากการนวดหักคอผิดท่า แจ้งความแล้ว พร้อมถามหาความรับผิดชอบจากร้านและหมอนวด

กรณีน้องผิง ชญาดา วัย 20 ปี นักร้องสาวรถแห่ ได้โพสต์ภาพฟิล์มเอกซเรย์ รูปกระดูกต้นคอมีอาการเคลื่อน พร้อมเล่าว่า เธอมีอาการปวดไหล่ จึงไปนวดที่ร้านนวดริมหนองประจักษ์ จังหวัดอุดรธานี เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม ซึ่งหมอนวดนวดบิดคอให้ด้วย ผ่านไป 2 วัน เริ่มปวดท้ายทอย จากนั้นก็ไปนวดอีก กับหมอนวดคนเดิม ก็นวดบิดคออีก จากนั้นเริ่มมีอาการชาลงแขน แล้วก็ปวดตึงมากขึ้น จนนอนหงายไม่ได้ ก็ยังไม่เอะใจว่าเป็นเอฟเฟคจากการนวด ก็ไปซ้ำครั้งที่ 3 คราวนี้เป็นหมดนวดอีกคน คนนี้นวดแรง มีล้วงรักแร้ จนมีอาการบวมช้ำเป็นสัปดาห์ ต้องกินยาบรรเทาอาการ

ต่อมาเริ่มมีอาการไฟช็อตปลายนิ้ว คันมือมากจนอยากตัดมือทิ้ง ร้อน ๆ หนาว ๆ ตลอดเวลา เวลาก้มจะร้าวลงขา ซีกขวา แล้วเริ่มลามไปที่ท้อง ที่ราวนม สุดท้ายแขนขวาอ่อนแรงยกไม่ได้ พร้อมฝากเรื่องของเธอเป็นอุทาหรณ์ สำหรับคนที่ชอบนวด แล้วบอกทิ้งท้ายว่า "หนูจะต้องหายค่ะ หนูทรมานมาก อยากทำงานแล้วค่ะ แต่ตอนนี้รอแค่เวลา" ซึ่งน้องผิงได้โพสต์ข้อความนี้เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน แต่อาการเธอไม่ดีขึ้น กระทั่งเสียชีวิตเมื่อวานนี้ ที่โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี

ญาติ ๆ รับศพของน้องผิง ไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่บ้านในอำเภอพิบูลย์รักษ์ จังหวัดอุดรธานี ขณะที่นางฉันทกาญจน์ อายุ 47 ปี แม่ของน้องผิง เล่าว่า ลูกสาวมีอาการปวดคอบ่าไหล มาขอให้แม่ซึ่งเป็นหมอนวดแผนโบราณนวดให้ แต่แม่ไม่ได้นวด เพราะเพิ่งผ่าตัดมา ลูกสาวจึงไปหานวดเอง ก่อนจะส่งแชทมาบอก ว่า มือชามืออ่อนแรง เลยถามลูกว่า หมอนวดได้หักคอไหม เพราะกลัวว่าหมอนวดจะหักคอผิดท่า ลูกสาวก็ตอบว่า หัก หักทั้ง 2 รอบ แล้วครั้งที่ 3 มีการล้วงรักแร้ด้วย ซึ่งเป็นท่าที่อันตรายทั้งหมด

จึงรีบพาลูกสาวหาหมอที่โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี วันที่ 15 ตุลาคม หมอก็ถามว่า น้องเสพยาเสพติดไหม เพราะมีอาการมือสั่น ซึ่งคำพูดนี้ตนก็เสียใจมาก แล้วหมอก็ให้แค่ยาแก้ปวด ยาคลายกล้ามเนื้อ แล้วก็ให้กลับมารักษาตัวที่บ้าน จึงพาลูกไปหาหมอที่โรงพยาบาลประจำอำเภอพิบูลย์รักษ์ จนได้เอกซเรย์กระดูกต้นคอ แล้วพบว่า กระดูกต้นคอเคลื่อนจริง จึงนำส่งรักษาต่อที่โรงพยาบาลหนองหาน เมื่อเอกซเรย์ซ้ำก็พบว่า กระดูกคอเคลื่อนหลายข้อ จึงส่งรักษาต่อที่โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานีอีกครั้ง ก่อนจะมีอาการหนัก และนอนยาวจนกระทั่งเสียชีวิต

อยากให้เจ้าของร้านนวดออกมารับผิดชอบ ออกมาชี้แจงให้กระจ่าง โดยเฉพาะหมอนวด หากไม่มีความรู้เรื่องจัดกระดูกคอ อย่าไปทำแบบนี้ ตนเองมีลูกสาวคนเดียว และเป็นเสาหลักหาเงินช่วยแม่ แต่กลับต้องมาเสียชีวิต ด้วยวัยเพียง 20 ปี ซึ่งแม่ได้ไปแจ้งความไว้แล้วตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน

ด้านนายอาร์ม อายุ 22 ปี แฟนน้องผิง เผยว่า ผิงเป็นคนแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัว ก่อนจะเกิดเรื่อง ผิงไปช่วยขายปลาหมึกช่วงเข้าพรรษาที่ไม่มีงานรถแห่ ทั้งช่วยยกโต๊ะ ยืนขายของ จนผิงบ่นว่าปวดเมื่อย และปวดหลัง หลังออกพรรษา งานรถแห่ก็เริ่มเข้ามา ก็เริ่มออกแสดง ผิงก็เริ่มมีอาการปวดหนักขึ้น จึงไปนวด จนเป็นที่มาของความสูญเสีย หากย้อนเวลากลับไปได้ จะไม่พาผิงไปนวด

ขณะที่ น.ส.น้อย อายุ 62 ปี เจ้าของร้านนวด บอกว่า เพิ่งรู้ข่าวว่าน้องผิงมานวดที่ร้านแล้วเสียชีวิต ก็ตกใจและเสียใจมาก ซึ่งเวลาผ่านไปเกือบ 2 เดือน จึงไม่รู้ว่า น้องมานวดกับหมอคนไหน เพราะหมอนวดที่ร้านมีหลายคน ไม่ใช่หมอนวดประจำ บางคนมาไม่นานก็ออกไปที่อื่น จำไม่ได้จริง ๆ ว่า ตอนนั้นมีหมอนวดคนไหนบ้าง หากน้องมีอาการแล้วแจ้งแต่แรก ก็ยังจะพอตามหมอนวดได้ เรื่องที่เกิดขึ้น หากเป็นเพราะที่ร้านของเรา ก็อยากจะขอโทษครอบครัวของน้องผิง ตอนนี้ทั้งกังวลและตกใจมาก ห่วงอาชีพและรายได้ของหมอนวดทุกๆ คน กลัวลูกค้าไม่มี หรือลดน้อยลง ซึ่งเรื่องการหักคอ ตอนที่เรียนมาเขาไม่ให้หักหรือดัดคอ ซึ่งที่ร้านก็กำชับห้ามหักคอลูกค้า

ด้าน น.ส.คำแสน หรือนาง อายุ 45 ปี ซึ่งเป็นคนนวดให้น้องผิงครั้งสุดท้าย บอกว่า ตนมีใบอนุญาตการนวด และไม่รู้ว่าคนนวดให้น้องผิงคนแรกเป็นใคร ซึ่งคนนวดบิดคอมีอยู่ 2 คน หนึ่งในนั้นชื่ออ้อย ได้ลาออกไปแล้ว ส่วนอีกคนเพิ่งเข้ามาทำงาน ซึ่งน้องผิงไม่ใช่เป็นลูกค้าประจำ ทำให้จำไม่ได้ ว่าใครเป็นคนนวดคนแรก

ล่าสุด นายแพทย์ สมชายโชติ ปิยวัชร์เวลา นายแพทย์สาธารณสุขอุดรธานี ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าว ระบุว่า น้องผิงเสียชีวิตจากการติดเชื้อในกระแสเลือด และมีเชื้อราร่วมด้วย ยังไม่ยืนยันว่าเกิดจากการนวดหรือไม่ ซึ่งหากญาติคาใจก็สามารถร้องขอตำรวจชันสูตรพลิกศพได้ ส่วนประเด็นร้านนวด พบว่าจดแจ้งใบอนุญาต สถานประกอบการถูกต้อง หมอนวดทั้งหมดก็มีใบประกาศสำหรับนวด ทางร้านจึงไม่มีความผิด สามารถเปิดต่อไปได้

สำหรับการรักษา น้องผิงเริ่มรักษาตัวตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม แต่อาการไม่ดีขึ้น กระทั่งช่วงวันที่ 6 พฤศจิกายน ขณะรักษาตัวที่โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี คนไข้ปวดต้นคอ แขนขาอ่อนแรงขยับไม่ได้ จึงเจาะหลังไปตรวจ พบว่า ไขสันหลังอักเสบ และไม่มีปัญหาเรื่องกระดูกหักบริเวณต้นคอ ให้ยาแล้วอาการดีขึ้น กระทั่งวันที่ 18 พฤศจิกายน มีอาการเกร็งกระตุก และรักษาตัวเรื่อยมา กระทั่งเสียชีวิต

ส่วนรายละเอียดการรักษาอื่น ๆ ไม่สามารถเปิดเผยได้ ตามกฎหมาย PDPA แต่ญาติสามารถมาขอได้ และตนเองไม่ใช่หมอกระดูก จึงไม่สามารถยืนยันถึงสาเหตุได้

ด้านพันตำรวจ ฉกาจน์ เทียมวงศ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี เผยว่า แม่ของน้องผิงมาแจ้งความที่ สภ.เมืองอุดรธานี เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน พนักงานสอบสวนอยูในขั้นตอนรวบรวมพยานหลักฐาน ตอนนี้ยังไม่ได้แจ้งข้อหาใดๆ เพราะยังไม่มีพยานหลักฐานบ่งชี้การกระทำผิด ต้องรอผลการสอบสวนสืบสวน ทั้งนี้จะให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย

สบส.ล้อมคอกร้านนวดแพทย์แผนไทยและสปาเพื่อสุขภาพทั่วประเทศ ห้าม นวดกด - บิด - ดึงบริเวณลำคอ เพราะไม่ใช่ผู้ประกอบวิชาชีพ มิเช่นนั้นจะเข้าข่ายความผิด หมอเถื่อนและคลินิกเถื่อน มีโทษรุนแรง

ทพ.อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ หรือ สบส. กล่าวว่า เบื้องต้นพบว่า ร้านที่นวดน้องผิง เป็นไปตามมาตรฐานและมีใบประกอบการถูกต้อง และผู้นวด 7 คน ขึ้นทะเบียนถูกต้องทุกคน ผ่านการอบรมในหลักสูตรที่ สบส.รับรอง

ส่วนการเสียชีวิตจะเกี่ยวข้องกับการนวดหรือไม่นั้น ต้องรอผลการวินิจฉัยอย่างละเอียดของแพทย์ผู้รักษา กับผลสอบสวนของตำรวจ ทางสบส.ไม่สามารถสั่งลงโทษใคร โดยไม่มีความผิดชัดเจนได้ ยืนยันการนวด เพื่อผ่อนคลาย (ร้านสปาทั่วไป) แตกต่างจาก การนวดเพื่อรักษา ที่มีการกด ดึง ดัด ที่อยู่ในโรงพยาบาล และคลินิก

รองอธิบดี สบส. กล่าวว่า ได้กำชับไปยังร้านนวดเพื่อสุขภาพ หรือการนวดเพื่อผ่อนคลาย ทั่วประเทศ ขอให้นวดตามแนวทาง ที่มีการอบรม สบส. เท่านั้น ส่วนการกดจุดสำคัญต่างๆ เช่นกดคอหรือบิดคอ ไม่สามารถทำได้ ต้องเป็นบุคลากรที่มีใบประกอบวิชาชีพ เช่น แพทย์ พยาบาล หรือนักกายภาพบำบัดเท่านั้น

หากพบว่า ร้านนวดใด หรือผู้ให้บริการคนใด ทำเกินกว่าสิ่งที่อบรม จะถือว่าร้านนวดเหล่านั้น เป็นคลินิกเถื่อน จะต้องมีความผิด มีโทษจำคุก 5 ปี และผู้ให้บริการ ก็จะกลายเป็นหมอเถื่อน มีโทษจำคุก 3 ปี

ส่วนการนวด บิดคอ โดยหมอนวดตามศาสตร์แพทย์แผนไทย พญ.ศรัญญา ยุทธโกวิท นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ สถาบันประสาทวิทยา กรมการแพทย์ กล่าวว่า ต้นคอเป็นศูนย์รวมของอวัยวะสำคัญ มีเส้นเลือดใหญ่เลี้ยงสมอง

การนวดที่บริเวณต้นคอ หากผิดพลาด หรือ แรงไป อาจส่งผลให้หลอดเลือดบริเวณต้นคอฉีกขาด กลายเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตได้ เหตุการณ์พบได้ ในคนที่มีอายุน้อย 20-30 ปี ก็เคยพบมาแล้ว

ส่วนกรณี น้องผิงที่เสียชีวิตนั้น จากที่ดูฟิล์มเอ็กซ์เรย์ของน้องผิงที่โพสต์เพียงภาพเดียว พบ ว่า มีความผิดปกติ โดยมีความเสื่อมซ่อนบริเวณกระดูกต้นคออยู่ แต้ต้องทำ MRI เพิ่มเติมร่วมด้วย จึงจะได้ข้อมูล 100 เปอร์เซ็นต์ โดยอาการลักษณะนี้ไม่ควรไปนวดบิดคอ จะเกิดปัญหาตามมาภายหลัง รวมถึงผู้ที่มีอาการปวดคอ ร้าวลงแขน ปลายมือปลายนิ้วชา ไม่ควรไปนวดเด็ดขาด ควรพบแพทย์กระดูกรักษาให้ตรงจุด โดยเฉพาะต้นคอ คนที่มีอายุน้อยก็ต้องระวังการกดเส้นเลือดใหญ่ที่คอด้านหน้า ด้านหลัง


รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/7NdZECkOorc

คุณอาจสนใจ

Related News