'อัศวิน' ลุยหาเสียงคลองเตย - 'ชัชชาติ' หาเสียงแบบ '888' ณ สะพานพระราม 8

วานนี้ (8 เม.ย. 65) เวลา 17.30 น. พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้สมัครผู้ว่าฯ หมายเลข 6 ที่มาพร้อมกับสโลแกน 'กรุงเทพฯต้องไปต่อ' ลงพื้นที่หาเสียงพบปะพี่น้องประชาชน ชาวชุมชนแฟลตคลองเตย แฟลต 1-10 และ ชุมชน 70 ไร่ เขตคลองเตย พร้อมผู้สมัคร ส.ก.เขตคลองเตย หมายเลข 5 นายสุชัย พงษ์เพียรชอบ

โดย พล.ต.อ.อัศวิน ได้ลงเดินทักทาย พบปะพูดคุยกับพี่น้องประชาชน พร้อมทั้งทักทายชาวแฟลตผ่านเสียงตามสายในชุมชน เพื่อขอกำลังใจและขอคะแนนเสียงในการลงสู้ศึกผู้ว่าฯ กทม.ครั้งนี้ โดยมีประชาชนมาชูป้ายให้กำลังใจและส่งเสียงเชียร์ตลอดทาง พร้อมมอบดอกไม้และคล้องพวงมาลัยให้ จนล้นคอ

จากนั้นได้ขึ้นรถหาเสียง มายังชุมชน 70 ไร่ ปรากฎว่ามีชาวชุมชนมาให้กำลังใจและส่งเสียงเชียร์กันอย่างเนืองแน่น ซึ่งมีทั้งผู้สูงอายุ พ่อค้าแม่ค้า และเด็กๆ ในชุมชน บริเวณศาลพ่อพระปะแดง ศาลศักดิ์สิทธิ์ประจำชุมชน พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวขอบคุณชาวชุมชนและเชิญชวนประชาชนให้ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งในวันที่ 22 พ.ค. นี้ กาเลือกส.ก.เบอร์ 5 ผู้ว่าฯ เบอร์ 6 ตนจะได้กลับมารับใช้พี่น้องชาวคลองเตยอีกครั้งหนึ่ง

นอกจากนี้ ยังกล่าวด้วยว่า วันนี้ดีใจมากที่พี่น้องชาวคลองเตยมาต้อนรับตนอย่างอบอุ่น และหลายคนจำได้ว่าในช่วงวิกฤตโควิด ตนได้เข้ามาช่วยเหลือชาวชุมชนทั้งเรื่องอาหารการกิน และเรื่องการรักษาพยาบาลดูแลผู้ติดเชื้อ และรู้สึกขอบคุณที่ตนไม่เคยทอดทิ้งพี่น้องชาวคลองเตย และได้ย้ำว่า การทำงานจะราบรื่นและทำงานถูกใจชาวคลองเตย ต้องมีผู้ว่าฯ ที่มีชื่อว่า 'อัศวิน'

ด้านนายชัชชาติ สิทธิพันธ์ุ ผู้สมัครผู้ว่าฯ หมายเลข 8 ลงพื้นที่หาเสียงและออกกำลังกาย บริเวณสวนพระราม 8 ซึ่งตั้งอยู่ที่ใต้สะพานพระราม 8 เขตบางกอกน้อย โดยช่วงแรกนายชัชชาติขึ้นปราศรัยบนกล่องเวทีที่ทำจากไม้เป็นรูปสี่เหลี่ยม เป็นเวลา 10 นาที เรื่องการผลักดันพื้นที่สีเขียวและลานกีฬาให้เยาวชน และพูดคุยกับชาวบ้าน มีคนมาขอถ่ายรูปจำนวนมาก

โดยนายชัชชาติ เปิดเผยว่า วันนี้หาเสียงตามกำหนดการ 888 วันที่ 8 หมายเลข 8 และลงพื้นที่ปิดท้ายที่สะพานพระราม 8 ตั้งใจจะมาวิ่งรับฟังปัญหาคนในชุมชนรอบสวนหลวงพระราม 8 มองว่าสวนนี้เป็นพื้นที่สีเขียวที่มีคุณภาพ เป็นการลงทุนน้อยแต่ได้เยอะ คนในชุมชนไม่ต้องลงทุนกับค่ารักษาพยาบาล

ส่วนตัวได้มาเห็นเด็กๆเยาวชนรวมตัวกันเล่นกีฬา รู้สึกดีใจมาก เพราะหากไม่มีสวนสาธารณะ ยังไม่รู้ว่าเด็กเหล่านี้จะไปรวมตัวกันทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ที่ไหน ดังนั้นเป็นหน้าที่ของ กทม. ที่เปิดพื้นที่ให้กลุ่มเยาวชน และอำนวยความสะดวกในแง่ของเวลาเปิดปิด การให้บริการ แสงสว่าง และห้องน้ำ รวมถึงขอบเขตการให้บริการ เช่น บางสวนอาจจะให้นำสุนัขเข้าไปได้แต่ต้องดูแล นอกจากนี้ตั้งใจไว้ว่าจะปลูกต้นไม้ 1 ล้านต้นให้ได้ ภายใน 1 ปี

นายชัชชาติ ระบุว่าลานกีฬากว่า 1,000 ของ กทม. ต้องมีคุณภาพ ตั้งใจว่าอยากผลักดันให้ กทม. เป็นมหานครแห่งกีฬา ต้องจัดหาโค้ชกีฬาสำคัญที่เด็กชอบ เช่น เทควันโด ปิงปอง มาสอนเพื่อให้เด็กมีวินัยในการเล่นกีฬา แล้วเด็กเหล่านี้จะกลายเป็นช้างเผือก นอกจากนี้ตามสถิติมีเด็กไทยจมน้ำเสียชีวิตปีละ 700 คน เชื่อว่าเด็กจำนวนมากไม่มีสถานที่ว่ายน้ำ

“แต่ก่อน รุ่นพ่อแม่เราโดดคลอง เอามะพร้าวผูกแขน ว่ายน้ำเป็น สมัยนี้หาที่ว่ายน้ำยาก ดังนั้น ผมจึงมีนโยบาย เด็กกรุงเทพฯเล่นน้ำได้ ว่ายน้ำเป็น”

สำหรับความกังวลอีก 40 วัน ก่อนการเลือกตั้ง นายชัชชาติ ระบุว่า กังวลเพียงอย่างเดียวคือไม่มีเสียงพูด นโยบายของตนเยอะมากจนเสียงพูดไม่ไหว แต่คาดว่าจะดูแลและกลับมาเป็นปกติได้ ส่วนร่างกาย จิตใจ พร้อมเสมอ โดยเฉพาะร่างกายที่ไม่เคยฟิตขนาดนี้มาก่อน จิตใจก็พร้อมเพราะสนุกที่ได้รับฟังความเห็นคน มีความสุขเมื่อเจอคนทักทาย ยอมรับว่ามีความกังวลอยู่บ้างที่ไม่มีทีมผู้สมัคร ส.ก. ส่งผลให้ตนต้องลงพื้นที่เยอะ ลงพื้นที่ตลอด มองว่าเป็นจุดอ่อนในการลงสมัครครั้งนี้ แต่ตนเลือกแบบนี้แล้ว ก็ต้องลงพื้นที่ให้มากขึ้น เอาตัวเองไปให้ชาวบ้านเห็นมากขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามว่าบางพรรคการเมืองมีการโจมตีว่าไม่ได้แอบส่งผู้สมัคร ส.ก.เหมือนบางผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. นายชัชชาติ ตอบทันทีว่าไม่ได้แอบ ส่วนตัวต้องการอิสระ หากคนที่เดินกับตน ทั้งสื่อมวลชน และคนทั่วไปจะทราบว่าไม่มีใครมาเดินกับตน ยกเว้นเจอกันบ้าง ทักทายกัน ยืนยันว่าตนเองเป็นคนตรงๆ แล้วแต่คนตัดสินใจ แต่ขออย่าสร้างเป็นเรื่องดราม่า เพราะมองว่าไม่สร้างสรรค์

“ดูที่นโยบาย ยืนยันว่าเราอิสระจริงๆ แต่เราก็มีเพื่อนกับทุกพรรค คุยกันได้ แต่ไม่ใช่เราเอานโยบายหรือทรัพยากรจากเขา”

นายชัชชาติ กล่าวอีกว่า ยังไม่แน่ใจว่าตนเองเป็นเต็งหนึ่งของสนามผู้ว่าฯ กทม. เพราะพื้นที่นี้เป็นพื้นที่ปราบเซียน บางคนคำแนนนำ มาแพ้ 2 สัปดาห์สุดท้าย การที่มั่นใจอาจทำให้ประชาชนไม่อยากไปโหวต เพราะคิดว่าต้องได้ ส่วนตัวบอกกับทีมงานเสมอว่าอย่าประมาท ต้องเดินไปอย่างสม่ำเสมอ แต่สุดท้ายก็แข่งกับตนเอง