‘อนุทิน’ เร่งสร้างสะพานมิตรภาพ จันทบุรี-ไพลิน จับมือกัมพูชา กระตุ้นค้าขายชายแดน-ท่องเที่ยว

วันนี้ (21 พ.ย.) บริเวณสะพานข้ามคลองตะเคียน ด่านผักกาด จุดก่อสร้างสะพานมิตรภาพจันทบุรี-ไพลิน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย พร้อมคณะผู้บริหาร อาทิ นายอรรษิษฐ์ สัมพัน์รัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายชำนาญ เตรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายมนต์สิทธิ์ ไพศาลธนวัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี ได้เดินทางมาหารือกับ ฯพณฯ อภิสันติบัณฑิต ซอร์ ซก กา (H.E. Mr. Abhisantibindit Sar Sokha) รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แห่งราชอาณาจักรกัมพูชา และคณะ เพื่อเยี่ยมชมจุดก่อสร้างสะพานมิตรภาพ

นายอนุทิน กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติและยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ เราจะได้เห็นรูปธรรมการก่อสร้างสะพานมิตรภาพ จันทบุรี - ไพลิน โดยสะพานมิตรภาพแห่งนี้ สร้างทดแทนสะพานเก่า ซึ่งมีสภาพทรุดโทรม จากนี้ จะผลักดันเรื่องเข้า ครม. เพื่อใช้งบกลาง เข้าไปสร้างสะพานถาวรต่อไป

“การสร้างสะพานมิตรภาพไพลิน-จันทบุรี ที่จะมีขึ้นนี้ จะเร่งผลักดันเข้าคณะรัฐมนตรี เพื่อใช้งบกลาง หากเป็นไปตามแผน จะเริมก่อสร้างในปี 2568 เมื่อแล้วเสร็จ เราจะได้สะพานใหม่ ที่กว้างขึ้น แข็งแรงขึ้น ทำให้เกิดประโยชน์อย่างมากมายกับพี่น้องประชาชนคนไทย สามารถนำผลิตภัณฑ์ ไปจำหน่ายที่กัมพูชา ทำให้เราสามารถนำนักท่องเที่ยวจากกัมพูชาเข้ามาเที่ยวในประเทศไทย มาพักผ่อนที่จันทบุรี ตราด ระยอง พัทยา ซึ่งจะทำให้เกิดการสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยเป็นจำนวนมาก การที่เราลงทุน 15 ล้านบาท จะทำให้เกิดการเชื่อมสัมพันธ์ที่ดีที่ ทำให้การค้าขายมีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไพลิน-จันทบุรี บริเวณสะพานข้ามคลองตะเคียน (ด่านผักกาด) ต.คลองใหญ่ อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี เมื่อผ่าน ครม. จะเริ่มก่อสร้างในปี 2568 โดยกรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย เป็นลักษณะสะพานคอนกรีตเสริมเหล็ก ผิวจราจรกว้าง 15 เมตร ความยาว 40 เมตร ทางเดินข้างละ 3 เมตร งบประมาณ 14,430,000 บาท

ด่านการค้าชายแดนไทย - กัมพูชา ในพื้นที่จังหวัดจันทบุรี มีมูลค่ารวม ตั้งแต่เดือนมกราคม - ตุลาคม 2567 รวมทั้งสิ้นกว่า 2.2 หมื่นล้านบาท นับเฉพาะเดือนตุลาคม มีการค้าขายระหว่างชายแดนผ่าน จ.จันทบุรีกว่า 1.9 พันล้านบาท นับเฉพาะด่านผักกาด มูลค่ารวม อยู่ที่ 494 ล้านบาท