เลือกตั้งและการเมือง

‘แทนคุณ’ ยื่นหนังสือสอบ ‘สภาทนายความฯ-ทนายโจร’ จี้เพิกถอนใบอนุญาตตลอดชีวิต

โดย chutikan_o

4 พ.ย. 2567

389 views

‘แทนคุณ’ ยื่นหนังสือ ปธ.สภา ส่งเรื่องให้ กมธ.ตรวจสอบ ‘สภาทนายความฯ-ทนายโจร’ จี้เพิกถอนใบอนุญาตตลอดชีวิต พร้อมวอนหยุดทนายที่สร้างความแตกแยกระหว่างศาสนา หวั่นบานปลาย


วันที่ 4 พ.ย. 2567 ที่รัฐสภา นายแทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม ยืนหนังสือถึงนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายคัมภีร์ ดิษฐากรณ์ โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร รับเรื่องแทน โดยขอให้ตรวจสอบการทํางานของสภาทนายความฯ โดยเฉพาะกรณีทนายความกระทําผิดข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาทของทนายความต่อประชาชนผู้มีอรรถคดี


นายแทนคุณ กล่าวว่า ตนเองได้รับเรื่องร้องเรียนจากพี่น้องประชาชนเป็นจํานวนมากถึงพฤติกรรมของทนายความที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมและกระทําผิดต่อมรรยาททนายความหลายกรณี ยกตัวอย่างเช่นเรียกรับทรัพย์สิน นอกจากค่าวิชาชีพจากผู้เสียหายและคู่กรณี โดยมีการนําข้อมูลของคู่ความฝ่ายหนึ่งไปเปิดเผยให้อีกฝ่ายเพื่อเรียกร้องทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อื่นใด หรือที่เรียกว่า การตบทรัพย์บ้าง กรรโชกทรัพย์ ยักยอกทรัพย์บ้าง หรือนําทรัพย์สินของลูกความไปใช้แสวงหาผลประโยชน์เพื่อกิจการของตนเองบ้าง เช่นนําทรัพย์สินของลูกความไปใช้ถ่ายภาพเพื่อโฆษณาตนเองหรือธุรกิจของตน รวมทั้งกรณี ทนายความที่แสดงออกและใช้คําพูดที่เป็นการสร้างความแตกแยกทางสังคม แตกแยกระหว่างศาสนา แสดงออกในลักษณะยุยงปลุกปั่นให้เกิดความเสียหายต่อความสงบและศีลธรรมอันดีของสังคมและใช้กลไกทางกระบวนการยุติธรรม เพื่อเป็นเครื่องมือในการกลั่นแกล้ง ฟ้องปิดปากผู้ที่เห็นต่าง หรือ SLAPP ซึ่งถือเป็นการกระทําที่ละเมิดสิทธิเสรีภาพและละเมิดสิทธิมนุษยชนตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ




นายแทนคุณ กล่าวว่า เมื่อมีการร้องเรียนไปที่สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ สิ่งที่ได้คือ การอ้างกฎระเบียบที่ต้องส่งข้อมูลการกล่าวหาทนายความที่เป็นคู่ความให้ได้รับทราบ โดยมิได้มีการคํานึงถึงการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือปกปิดตัวตนของคู่ความ จนเป็นเหตุให้ทนายความที่ถูกร้องเรียนกลาวหาดังกล่าวกลับมาฟ้องปิดปากคู่ความ ทําให้ไม่มีคนกล้าไปร้องเรียน ซ้ำร้ายกว่านั้นกระบวนการพิจารณาดังกลาวไม่มีกรอบเวลาในการทํางาน ไม่มีความชัดเจนและพบว่าอาจมีการปล่อยปละละเลย เพิกเฉยต่อปัญหา ใช้เวลาในการพิจารณานานนับปี สร้างความทุกข์ทรมานและความขัดแย้งไม่จบสิ้น โดยที่ทนายความถือว่า เป็นผู้ที่มีความรู้ทางกฎหมาย สมควรที่จะเป็นที่พึ่งของประชาชน แต่กลับกลายเป็นว่า ทนายความบางคนได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของความอยุติธรรมที่ทําร้ายประชาชนที่หวังพึ่งพาทนายความ เหมือนที่มีการเรียกทนายที่มีพฤติกรรมดังกล่าวว่า ทนายโจร ทนายมิจฉาชีพ ดังนั้นจึงขอให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ส่งเรื่องให้คณะกรรมาธิการที่เกี่ยวข้อง ซึ่งตนเองพร้อมที่จะให้ข้อมูลและไปชี้แจง และส่งเรื่องไปยังสภาทนายความฯ ให้ทบทวนกระบวนการในการร้องเรียนมรรยาททนายด้วยการปกปิด และคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นคู่ความกับทนายความ เพื่อปกป้องสิทธิผู้กล่าวหาตรวจสอบพฤติกรรมของทนาย ที่ถูกกล่าวหาหากพบว่ามีมูลขอให้ลบชื่อออกจากสารบบการเป็นทนายความโดยมิให้กลับมาเป็นทนายความได้อีกตลอดชีวิต พร้อมทั้งเปิดเผยข้อมูลให้สาธารณะได้รับทราบ


นายแทนคุณ กล่าวอีกว่า รู้สึกเป็นห่วงกรณีที่ทนายบางคนยุยงปลุกปั่นให้เกิดความแตกแยก ซึ่งนํามาซึ่งความไม่พอใจระหว่างศาสนิกชน ศาสนาพุทธและศาสนาอิสลาม เพื่อเป็นการป้องปรามเหตุการณมิให้บานปลาย จึงได้นําหลักฐานการโพสต์ข้อความอันเป็นการกระทําที่หมิ่นเหม่ต่อการละเมิดศรัทธา ศีลธรรมอันดี และเป็นภัยคุกคามความมั่นคง เพื่อมอบให้ประธาน เพื่อพิจารณาดําเนินการตัดไฟแต่ต้นลมกอนที่จะลุกลามบานปลาย กลายเป็นความขัดแย้งระหว่างศาสนาที่มิอาจระงับยับยั้งได้ทัน


ด้านนายคัมภีร์ กล่าวว่า หลังจากนี้จะให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณา ว่าเรื่องเกี่ยวข้องกับกรรมาธิการชุดใด และต้องดำเนินการอย่างไร เพื่อส่งเรื่องให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาดำเนินการต่อไป เพราะถือว่าเป็นเรื่องที่ต้องเร่งดำเนินการตรวจสอบ โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวข้องกับศาสนา เพื่อป้องกันปัญหาความขัดแย้งบานปลาย



คุณอาจสนใจ

Related News