เลือกตั้งและการเมือง

ศาลอาญา จำคุก ‘จตุพร’ 5 ปี เปิดเผยเอกสารลับ กต. ปมสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา

โดย olan_l

6 ส.ค. 2567

431 views

วันนี้ (6 ส.ค.) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษา ในคดีที่พนักงานอัยการยื่นฟ้อง นายจตุพร พรหมพันธุ์ นักเคลื่อนไหวทางการเมืองในความผิดต่อความมั่นคงของรัฐ

คำฟ้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.2552 จำเลยนำหนังสือของกระทรวงการต่างประเทศ ลับมาก ด่วนที่สุด ที่ กต.1303/2355 ลงวันที่ 16 พ.ย.2552 เรื่องแนวทางการดำเนินการกับปัญหาความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นความลับของทางราชการเกี่ยวข้องกับความมั่นคงและความปลอดภัยของประเทศ ออกเผยเเพร่ทางสถานีโทรทัศน์ประชาชน (People Channel) โดยจำเลยแพร่ข้อความในหนังสือผ่านทางโทรทัศน์ ซึ่งหนังสือดังกล่าวเป็นเอกสารที่กระทรวงการต่างประเทศปกปิดไว้เป็นความลับสำหรับความปลอดภัยของประเทศ อันเป็นการกระทำเพื่อให้ผู้อื่นล่วงรู้หรือได้ไปซึ่งข้อความที่ปกปิดไว้เป็นความลับใบหนังสือดังกล่าว

จำเลยอันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย เหตุเกิดที่แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 124 จำเลยให้การปฏิเสธ นัดฟังคำพิพากษาวันนี้ จำเลยเดินทางมาศาล

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์และจำเลยแล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า ตามวันเกิดเหตุ ก่อนที่จำเลยจะดำเนินรายการทางสถานีโทรทัศน์ประชาชน รายการความจริงวันนี้ จำเลยได้รับเอกสารของกระทรวงการต่างประเทศซึ่งประทับตราชั้นความลับ ลับมาก มีเนื้อหาเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินการกับปัญหาความสัมพันธ์ไทยและกัมพูชา จำเลยซึ่งดำรงตำแหน่ง ส.ส.พรรคฝ่ายค้านในขณะนั้น นำเอกสารดังกล่าวไปเผยแพร่ทางรายการความจริงวันนี้ ต่อมากรุงพนมเปญรายงานถึงปฏิกิริยาจากนายกรัฐมนตรีของประเทศกัมพูชามายังกระทรวงการต่างประเทศ

ศาลเห็นว่าเอกสารที่จำเลยนำไปเผยแพร่ เป็นเอกสารฉบับเดียวกันกับเอกสารตามคำฟ้องของโจทก์ แม้เลขที่ของหนังสือจะระบุเลขที่แตกต่างจากข้อความที่ถอดเทปจากรายการ

แต่เมื่อพิจารณาเนื้อหาข้อความที่ถอดเทปมีเนื้อหาสาระเช่นเดียวกัน ทั้งได้ความจากจำเลยตอบทนายจำเลยชักถามว่าเอกสารที่ ส.ส.สงวน พงษ์มณี นำมาให้เป็นคนละฉบับแต่มีข้อความคล้ายคลึงกัน จึงเชื่อว่าเอกสารโจทก์และเอกสารที่จำเลยได้รับจาก ส.ส.สงวน พงษ์มณี ที่นำไปเผยแพรในรายการความจริงวันนี้เป็นเอกสารฉบับเดียวกัน

ส่วนจำเลยกระทำผิดตามฟ้องหรือไม่เห็นว่าหนังสือดังกล่าวประทับตราชั้นความลับ ลับมาก เนื่องจากมีเนื้อหาเกี่ยวกับความมั่นคงของรัฐและการเมืองระหว่างประเทศ นำเสนอสถานการณ์ แนวทางการดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชา

หากมีการเปิดเผยเอกสารดังกล่าว จะทำให้ประเทศกัมพูชาทราบแนวทางการดำเนินการของไทย และทราบว่าไทยมีข้อได้เปรียบหรือเสียเปรียบในด้านใดด้านหนึ่ง ส่งผลให้ไทยไม่สามารถดำเนินการตามมาตรการที่คาดการณ์ไว้ได้ เอกสารซึ่งประทับตราชั้นความลับ ลับมากนั้นเฉพาะบุคคลที่เกี่ยวข้องเท่านั้นที่สามารถเปิดเผยเอกสารลับมากได้ ไม่ปรากฏว่าจำเลยขออนุญาตเปิดเผยเอกสารดังกล่าว

ซึ่งการเปิดเผยหนังสือทำให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับความเสียหาย หนังสือของกระทรวงการต่างประเทศซึ่งเป็นเอกสารของราชการซึ่งประทับตราชั้นความลับ ลับมาก นั้น ตามระเบียบว่าด้วยการรักษาความลับของทางราชการฯ ชั้นความลับ ลับมาก หมายความถึง ข้อมูลข่าวสารลับซึ่งหากเปิดเผยทั้งหมดหรือเพียงบางส่วนจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประโยชน์แห่งรัฐอย่างร้ายแรง

เมื่อพิจารณาหนังสือมีเนื้อหากล่าวถึงการวิเคราะห์ท่าทีของฝ่ายกัมพูชา พัฒนาการ เป้าหมาย สภาพปัญหาและแนวทางการดำเนินการกับปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชา มีข้อความระบุทำนองว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นภัยหลักคุกคามรัฐบาลเเละพาดพิงไปยังผู้นำประเทศเพื่อนบ้าน

หากมีการเปิดเผยข้อความดังกล่าวออกไปยังบุคคลที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิด และอาจส่งผลให้สถานการณ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาเป็นไปในทิศทางที่ไม่ดีสอดคล้องกับมีพยานเบิกความตอบโจทก์ซักถามว่า ภายหลังจากมีการเผยแพร่เอกสารแล้ว มีส่วนทำให้เกิดผลกระทบกับความสัมพันธ์ในภาพรวม มีการลดระดับความสัมพันธ์และเรียกทูตของทั้งสองประเทศกลับ

ทั้งไม่ปรากฏว่าเอกสารหมายมีคำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารโดยไม่มีข้อจำกัดหรือเงื่อนไขใดอันจะถือว่าข้อมูลข่าวสารนั้นถูกยกเลิกชั้นความลับแล้ว และไม่ใช่ข้อมูลข่าวสารของราชการที่หน่วยงานของรัฐไม่ประสงค์จะเก็บรักษาหรือมีอายุครบยี่สิบปีนับแต่วันที่เสร็จสิ้นการจัด ให้มีข้อมูลข่าวสารนั้น ตามมาตรา 26 แห่ง พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ.2540

เอกสารดังกล่าวจึงยังไม่ถูกยกเลิกชั้นความลับโดยผลของกฎหมาย ทั้งได้ความจากพยานโจทก์ว่า ภายหลังจากมีการเผยแพร่เอกสารระดับชั้นความลับของหนังสือยังคงเป็นเอกสารลับมากเช่นเดิม ดังนั้น เอกสารดังกล่าวจึงยังคงเป็นเอกสารลับซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและกัมพูชา แสดงให้เห็นว่า จำเลยทราบว่าเอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารของทางราชการซึ่งประทับตราชั้นความลับ ลับมาก จำเลยยังอธิบายเนื้อหาสาระของเอกสาร ในส่วนของมาตรการที่อาจก่อให้เกิดผลดีและผลเสียต่อประเทศไทย จำเลยย่อมทราบว่าการเผยแพร่ข้อความดังกล่าวสู่สาธารณชนอาจทำให้ประเทศกัมพูชาทราบและส่งผลกระทบต่อมาตรการที่ประเทศไทยกำหนดไว้เพื่อแก้ไขสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น

ส่วนที่จำเลยนำสืบว่า จำเลยไม่มีเจตนากระทำความผิดตามฟ้อง การที่จำเลยเผยแพร่เอกสารดังกล่าวผ่านทางรายการโทรทัศน์เนื่องจากข้อความในเอกสารระบุว่าแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติมุ่งจะโค่นล้มรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศในขณะนั้น อันการกล่าวหาจำเลย ทำให้จำเลยได้รับความเสียหาย จำเลยจึงใช้สิทธิในการป้องกันตนเอง โดยการนำเอกสาร ไปแสดงในรายการโทรทัศน์และแสดงความคิดเห็นว่าไม่เห็นด้วยกับเอกสารดังกล่าวนั้น

หากจำเลยเห็นว่าเอกสารดังกล่าวถูกยกร่างขึ้นและมีเนื้อหาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือไม่ ถูกต้องตรงความเป็นจริง จำเลยชอบที่จะดำเนินคดีกับบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเอกสารดังกล่าว โดยไม่มีสิทธินำเอกสารมาเผยแพร่สู่สาธารณชนทั้งที่เป็นเอกสารลับของทางราชการและมีเนื้อหาซึ่งอาจกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

แม้จำเลยนำสืบว่าจำเลยมีเจตนาป้องกันผลประโยชน์ของประเทศชาติเนื่องจากหากมีการดำเนินการตามมาตรการที่กำหนดไว้ในเอกสารนั้นจะทำให้เกิดความเสียหายต่อประเทศไทย แต่ขณะนั้นจำเลยอยู่ในฐานะ ส.ส.พรพรรคฝ่ายค้าน ซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลชอบที่จะนำเรื่องดังกล่าวอภิปรายในที่ประชุมสภา

ในส่วนที่จำเลยนำสืบว่าเอกสารนั้นไม่ได้ดำเนินการตามระเบียบขั้นตอนในการออกเอกสารลับตามระเบียบ แต่เมื่อพิจารณาเนื้อหาตามเอกสารแล้วบุคคลทั่วไปย่อมทราบว่าเอกสารดังกล่าวมีเนื้อหาที่หากถูกเปิดเผยไปแล้วอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

พยานหลักฐานจำเลยไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานโจทก์ พฤติการณ์ของจำเลยรับฟังได้ตามทางนำสืบของโจทก์ว่าการที่จำเลยนำเอกสารไปเผยแพร่ทางสถานีโทรทัศน์ประชาชนรายการความจริงวันนี้จึงเป็นการกระทำการเพื่อให้ผู้อื่นล่วงรู้หรือได้ไปซึ่งเอกสารอันปกปิดไว้เป็นความลับสำหรับความปลอดภัยของประเทศ พยานหลักฐานของโจทก์ที่ทำสืบมาจึงรับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้องจริง พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 124 วรรคเเรก จำคุก 5 ปี ไม่รอลงอาญา

ภายหลังทนายความจำเลยได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ เพื่อขอปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์

ศาลอาญาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยให้การปฏิเสธต่อสู้คดี และเคยได้รับการปล่อยชั่วคราวมาโดยตลอด ไม่ปรากฏพฤติการณ์หลบหนี จึงอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์ ตีราคาหลักประกัน 250,000 บาท

คุณอาจสนใจ

Related News