'อี้ แทนคุณ' ชี้ 'ประชาธิปัตย์' คุกคามทางเพศ ผู้บริหารยังออกมารับผิดชอบ อัดมติ 'ก้าวไกล' อัปยศ

3 พ.ย.2566 เวลา 11.00 น. ที่พรรคก้าวไกล ตัวแทนเพจวันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร กลุ่มสีดาไม่ทน พร้อมด้วยนายนิยม นพรัตน์ หรือ เค สามถุยส์ และนายแทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานคณะกรรมการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและความเท่าเทียมระหว่างเพศ พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางมาจัดกิจกรรมและยื่นหนังสือเรียกร้องให้พรรคก้าวไกลเปิดเผยรายชื่อ สส.ที่ไม่ร่วมประชุม และ สส. ที่โหวตให้นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม. ไม่ถูกขับออกจากพรรค กรณีที่มีข้อร้องเรียนเรื่อง คุกคามทางเพศทีมงานสาว โดยมีนางสาวเบญจา แสงจันทร์ กรรมการบริหารพรรค ในฐานะประธานคณะทำงานพิเศษเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงทางเพศเป็นผู้รับหนังสือ

บรรยากาศที่ทำการพรรค เวลาประมาณ 10.00 น. มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน. หัวหมาก จำนวน 20 นาย เดินทางมาเตรียมพร้อม เพื่อตรึงกำลังรักษาความปลอดภัย โดยก่อนเวลา 11.00 น. ผู้จัดกิจกรรมได้นำรถขยายเสียงมาจอดฝั่งตรงข้ามที่ทำการพรรค พร้อมเปิดเพลง “เจ็บนี้รสปูอัด” ของศิลปินไจแอ้นท์

โดยนายแทนคุณ กล่าวว่า วันนี้ไม่ได้มาในนามประชาธิปัตย์ และไม่ได้มีความแค้นกับพรรคก้าวไกล แต่ตรงกันข้ามยังติดตามดูการเติบโตความเคลื่อนไหวต่างๆของพรรคก้าวไกล ในฐานะพรรคของคนรุ่นใหม่ อยากให้กำลังใจ เพราะตนยังเชื่อในเรื่องของการเมืองแบบใหม่ เป็นการเมืองที่สร้างสรรค์ เป็นการเมืองที่จะนำความเปลี่ยนแปลงมาให้กับประเทศไทยได้จริงๆ ตนเองก็ไม่ได้มีบทบาทอะไรในพรรคประชาธิปัตย์แล้ว รวมถึงตำแหน่งทางการเมือง

นายแทนคุณ กล่าวต่อว่า เรื่องนี้ก็เป็นความตั้งใจที่อดทนไม่ไหว เพราะตนได้มีโอกาสดูแลคนในครอบครัวที่เป็นผู้หญิงหมดเลย จึงเข้าใจความรู้สึกของผู้หญิง และหากผู้หญิงถูกกระทำจากผู้ชาย ตนยิ่งรู้สึกว่าเป็นความเจ็บปวดที่ไม่อาจทนได้ และซ้ำร้ายกว่านั้น สิ่งที่เสมือนว่าเป็นฟางเส้นสุดท้ายจากการติดตามการกระทำของพรรคก้าวไกล เรื่องการคุกคามทางเพศ คือการที่พรรคก้าวไกล โดย สส. คนอื่นได้ไปกล่าวหาเพจวันนี้ก้าวไกลโกหกอะไรเป็นไอโอของกองทัพ ฝั่งตรงข้าม ตนรู้สึกว่าการคุกคามแบบนี้เป็นการเหยียบซ้ำผู้เสียหายที่ได้ใช้ความกล้าใหญ่ที่สุดในชีวิต เพื่อเรียกร้องการช่วยเหลือการสนับสนุนให้เขาได้ยืนหยัดต่อสู้ เพื่อสิทธิเสรีภาพบนเนื้อตัวร่างกาย สิทธิมนุษยชนที่เขาพึงมี เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่พรรคก้าวไกลได้เคยพูดเรื่องนี้

ซึ่งผู้คุกคามไม่ใช่สมาชิกปกติของพรรคก้าวไกล แต่กลับเป็นถึงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในนามของพรรคก้าวไกล พรรคก้าวไกลมีความสำนึกรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นจากคนของตัวเองหรือไม่ และตนเฝ้าดูในบรรดาเครือข่ายแฟนด้อมของพรรคก้าวไกลว่าจะมีการเคลื่อนไหวเรื่องนี้อย่างไร

นายแทนคุณ ยังยกตัวอย่างพรรคประชาธิปัตย์ว่า เมื่อมีกรณีคุกคามทางเพศ ผู้บริหารยังได้ออกมาแสดงความรับผิดชอบ ตนจึงออกมาเคลื่อนไหวแบบการเมืองภาคประชาชน แบบตรงไปตรงมาที่พรรคก้าวไกลพยายามบอกคนอื่นไว้

“สิ่งเห็นภาพชัดเจนคือมติที่ประชุมของพรรคก้าวไกลเป็นการคุกคามซ้ำ ไม่ใช่คุกคามทางเพศอย่างเดียวแล้ว แต่เป็นการคุกคามประเทศ เป็นการคุกคามศรัทธาต่อระบบการเมืองแบบใหม่ที่มีประชาชนจำนวน 14 ล้านเสียงมอบให้กับพรรคก้าวไกล มติพรรคสะท้อนให้เห็นว่าพรรคก้าวไกลไม่เคยให้ความสำคัญกับหัวใจของประชาชนอย่างแท้จริง และพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาอำนาจของตัวเองอย่างที่ไม่ได้ต่างอะไรจากนักการเมืองเลว” นายแทนคุณ กล่าว

นายแทนคุณ ย้ำว่า เราจะทำเสมือนผู้เสียหายไม่มีตัวตนไม่ได้ ตนขอสะท้อนเรื่องอัปยศนี้ 3 เรื่อง

1. การสะท้อนถึงการใช้พวกมากลากไป สายสัมพันธ์ คอนเนคชั่น เรื่องความรู้สึกส่วนตัวมากลบเกือนปิดบังกดทับกดขี่ความเสียหายที่เกิดขึ้น เหมือนที่บอกว่าเสียงส่วนใหญ่สะท้อนความต้องการได้อแต่ไม่สะท้อนความถูกต้องได้ และพรรคก้าวไกลได้กดขี่คมแหงพี่น้องประชาชนที่เคยรักเคยศรัทธาพรรคก้าวไกลด้วยกันออกมาเรียบร้อยแล้ว

2.การกระทำผิด สะท้อนชัดว่าไม่มีสำนึกรับผิดชอบ ไม่ใช่แค่ในสถานะของนักการเมือง ไม่ใช่ในสถานะของ สส. แต่ไม่มีสำนึกแม้กระทั่งในสถานะของความเป็นมนุษย์ด้วยกัน เพราะทำอะไร ย่อมรู้อยู่แก่ใจ ทำอะไรลงไปกับผู้ที่เสียหาย กว่าเขาจะยืนหยัด กว่าเขาจะมีพลังมากพอที่จะเรียกร้องการกระทำที่เขาโดนกระทำ เจ็บปวดขนาดไหน มาเรียกร้องขอความเป็นธรรม มาเรียกร้องขอความช่วยเหลือ เป็นเสียงตะโกนที่มาจากหัวใจที่เจ็บปวดของพวกเขาจริงๆ แต่กลับถูกกระทำย่ำยีซ้ำด้วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคก้าวไกล จะด้วยเหตุผลอะไรต่างๆ สิ่งเหล่านี้จะเป็นตราบาปของพรรคก้าวไกลไปตลอดชีวิตและประวัติศาสตร์ของชาติไทย

“ความศรัทธาที่ประชาชนมีให้ ตอนนี้เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงที่สุดที่ประชาชน พรรคก้าวไกลได้เป็นพรรคที่ทำลายสถิติโลกในการที่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่มีปัญหาการละเมิดกฎหมายมากที่สุดในโลกไปเรียบร้อยแล้ว สถิตินี้ไม่ได้ได้มาง่ายๆ แต่มีต้นทุนที่ต้องจ่ายมากพอสมควร” นายแทนคุณ กล่าว

นายแทนคุณ กล่าวต่อว่า ประการที่ 3 หลังจากนี้ไปไม่ว่า สส. ที่กระทำการละเมิดทางเพศจะย้ายไปอยู่พรรคไหนก็ตาม พวกเราจะไปยื่นหนังสือให้ถูกที่ เพื่อให้ไม่มีพรรคไหนรับ จนกว่าจะสิ้นสมาชิกภาพความเป็น สส.

“ถ้าท่านไม่สำนึกเราจะทำให้ท่านสำนึก การออกมติที่ช่วยเหลือเกื้อกูลกันเองเท่ากับสนับสนุนการคุกคามการละเมิดทางเพศของผู้เสียหายและไม่มีการช่วยเหลือเยียวยาใดๆ ผู้เสียหายถูกตอนสอบสอบสวนซ้ำ โดยที่พรรคไปให้การช่วยเหลือเท่ากับเป็นการสนับสนุนให้ผู้กระทำความผิดเหล่านี้เพิ่มมากขึ้น หรือเรียกว่าการผลิตซ้ำ ผมจึงอยากจะเรียกร้องไปยังผู้บริหารพรรคก้าวไกล สส.ที่ยังมีสำนึกอยู่บ้าง ได้กลับมาทบทวนมติใหม่ และอย่าอ้างระเบียบจะอ้างข้อกฎหมาย ไม่มีมติใดที่จะกลบเกลื่อนการกดขี่” นายแทนคุณ กล่าว

นายแทนคุณ กล่าวอีกว่า ตนเข้าใจดีว่าการทำงานการเมือง ผู้มีอำนาจย่อมห่วงอำนาจเป็นธรรมดาเพิ่งได้ตำแหน่งใหม่ๆ ก็อาจจะทำให้หลงระเริงในอำนาจได้เป็นธรรมดา แต่สิ่งเหล่านี้สะท้อนวุฒิภาวะของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคก้าวไกลว่าจะเลือกผลประโยชน์ส่วนตัว อำนาจของพรรคพวกเพื่อนฝูง หรือจะเลือกเห็นหัวประชาชน โดยเฉพาะคนที่ถูกย่ำยีที่เป็นผู้หญิงจะมีความเห็นอกเห็นใจในสิ่งเหล่านี้หรือไม่

พร้อมประกาศว่าหากมีเหยื่อคนไหนต้องการความช่วยเหลือ ตนยินดีที่จะให้ความช่วยเหลือ ไม่ต้องกลัวอำนาจมืดอำนาจสีส้ม อำนาจใดๆ ทั้งสิ้นอำนาจ เราต้องช่วยกันสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง ช่วยกันลดการคุกคามประเทศ การคุกคามทางเพศ โดยสมาชิกของพรรคก้าวไกล กรณีที่นายไชยามพวานบอกว่าโดนดิสเครดิต ตนอยากถามว่ามีเครดิตให้ดิสด้วยหรือ อย่าเชือดไก่ให้ลิงดู ถ้ามีก้าวไกลต่อไป ประเทศไทยจะไม่เหมือนเดิม