เลือกตั้งและการเมือง

“ผิดมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง” เครื่องมือใหม่ สอย “นักการเมือง”

โดย panisa_p

4 ต.ค. 2566

390 views

6 ปี ที่ผ่านมา ศาลฎีกาตัดสินคดีนักการเมือง “ผิดมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง” ไปแล้ว 5 คดี โดนตัดสิทธิลงสมัคร สส.ตลอดชีวิตทุกราย อยู่ระหว่างการพิจารณาอีก 3 ราย ขณะที่มีนักการเมืองอีกนับสิบจ่อเข้าสู่กระบวนการไต่สวนของ ป.ป.ช.


“ช่อ” พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ คือนักการเมืองคนล่าสุดที่ถูกศาลฎีกาพิพากษาว่า “ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง” ตัดสิทธิลงสมัคร สส. และห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองตลอดชีวิต


“มาตรฐานจริยธรรม” คืออะไร  

“มาตรฐานทางจริยธรรม” เพิ่งถูกกำหนดไว้เป็นครั้งแรกในรัฐธรรมนูญ 2560 คือ มาตรา 219 กำหนดให้ศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระปฏิบัติหน้าที่ร่างมาตรฐานทางจริยธรรมขึ้นมา โดยให้ใช้บังคับกับ สส. สว. และ คณะรัฐมนตรีด้วย


และให้อำนาจคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ไต่สวน และส่งให้ศาลฎีกา พิจารณาวินิจฉัยได้หากพบว่านักการเมืองฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง


บทลงโทษ “ผิดมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง”

บทลงโทษสำหรับผู้ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม “มาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง” ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 235 ได้แก่

-ให้พ้นจากตำแหน่งทางการเมือง

-ถูกเพิกถอนสิทธิรับสมัครเลือกตั้ง

-ไม่สามารถดำรงตำแหน่งทางการเมืองใด ๆ

-อาจจะถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไม่เกิน 10 ปี


6 ปี ผ่านไป นักการเมืองโดนศาลฎีกาพิพากษา “ผิดมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง” แล้ว 5 คน

ตั้งแต่บทบัญญัตินี้บังคับใช้ มี “นักการเมือง” ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดส่งไปให้ศาลฎีกาแล้ว 8 คน  และ 5 คน ที่ศาลฎีกาพิพากษาแล้ว อีก 3 คน อยู่ระหว่างการพิจารณาคดี และมีนักการเมืองอีกนับสิบคนจ่อเข้าสู่การไต่สวนของ ป.ป.ช.


นักการเมืองทั้ง 5 ราย ที่ศาลฎีกาพิพากษา “ผิดมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง”  ได้แก่

1. นางสาวปารีณา ไกรคุปต์ อดีต ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ กรณีถือครองและใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐโดยมิชอบ กรณีครอบครองที่ดิน สปก. ที่ จ.ราชบุรี ทั้งที่ไม่มีคุณสมบัติ ศาลชี้ว่าเป็นการกระทำที่ขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนกับส่วนรวม ถือว่ามีลักษณะร้ายแรงตามมาตรฐานทางจริยธรรม ลงโทษให้พ้นจากตำแหน่ง สส.ตัดสิทธิสมัครรับเลือกตั้งและห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองตลอดชีวิต และถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 10 ปี เป็นนักการเมืองคนแรกที่โดนคดีนี้ โดยศาลตัดสิน เมื่อ 7 เมษายน 2565


2. นายอนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ อดีตส.ส.มุกดาหาร พรรคเพื่อไทย กรณีใช้อำนาจหน้าที่ในฐานะรองประธานคณะอนุกรรมาธิการแผนงานบูรณาการ 2 เรียกรับเงินจากอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาลในการจัดทำคำของบประมาณ โดยลงโทษเช่นเดียวกับ 4 ราย แรก คือ ให้พ้นจากตำแหน่ง ตัดสิทธิสมัครรับเลือกตั้งและห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองตลอดชีวิต และถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 10 ปี นับเป็นนักการเมืองคนที่สองที่โดนข้อหานี้ ศาลตัดสิน เมื่อ 6 มกราคม 2566


3. นางสาวกนกวรรณ วิลาวัลย์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พรรคภูมิใจไทย กรณีขอออกโฉนดที่ดินโดยไม่มีคุณสมบัติตามกฎหมายศาลพิพากษาว่าเป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบเพื่อตนเอง มีลักษณะร้ายแรงตามมาตรฐานทางจริยธรรม ถูกลงโทษเหมือนกับ น.ส.ปารีณา คือ ให้พ้นจากตำแหน่ง ตัดสิทธิสมัครรับเลือกตั้งและห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองตลอดชีวิต และถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 10 ปี ศาลตัดสิน 22 กุมภาพันธ์ 2566


4. นางธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ อดีตส.ส.กรุงเทพฯ พรรคพลังประชารัฐ กรณีฝากเสียบบัตรแทนในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ทำให้การออกเสียงลงคะแนนที่ไม่สุจริต เกิดความเสียหายแก่สภาฯเข้าลักษณะฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง  บทลงโทษเหมือนกัน คือ   ให้พ้นจากตำแหน่ง ตัดสิทธิสมัครรับเลือกตั้งและห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองตลอดชีวิต และถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 10 ปี ศาลตัดสิน เมื่อวันที่  3 สิงหาคม 2566


และคนล่าสุดคือ นางสาวพรรณิการ์ กรณีโพสต์ภาพถ่ายในลักษณะเป็นการกระทำอันมิบังควรต่อสถาบันฯ ลงในเฟซบุ๊ก ศาลตัดสินว่าฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2566 ลงโทษตัดสิทธิลงสมัคร สส. และห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองตลอดชีวิต แต่ไม่โดนเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง


3 ส.ส. รอศาลฎีกา ชี้ชะตา

สำหรับกรณีการเสียบบัตรแทนกัน ยังมี สส.อีก 3 คน ที่ ป.ป.ช.มีมติว่า “ผิดมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง” และส่งให้ศาลฎีกาพิจารณา ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของศาล ได้แก่ นายฉลอง เทอดวีระพงศ์ นายภูมิศิษฏ์ คงมี อดีต ส.ส.พัทลุง และ นางนาที รัชกิจประการ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเดียวกัน คือ พรรคภูมิใจไทย โดยเป็นกรณีเสียบบัตรแทนกันในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายปี 2563 โดย ป.ป.ช.มีมติไปเมื่อวันที่  8 มิถุนายน 2564


2 นักการเมืองดัง รอไต่สวนคดีก่อนส่งศาลตัดสิน

นอกจากนี้ยังมีนักการเมืองดังอย่าง นายสุพล จุลใส อดีตส.ส.ชุมพร พรรครวมประชาชาติไทย ที่ถูกคณะกรรมการป.ป.ช.ตั้งกรรมการไต่สวน กรณีเสนอขายที่ดินที่ห้ามไม่ให้ซื้อขาย ซึ่งเป็นคดีใกล้เคียงกับนางสาวปารีณาที่เคยถูกพิพากษาไปแล้ว อีกคนคือนายเอกราช ช่างเหลา ส.ส.ขอนแก่น พรรคภูมิใจไทย ก็ถูก ป.ป.ช.ไต่สวนกรณีทุจริตเงิน 431 ล้านของสหกรณ์ฯครูขอนแก่น


นักการเมืองหลายสิบคน ลุ้น ป.ป.ช.ตรวจสอบการถือครองเอกสารสิทธิที่ดิน

ขณะที่ ทาง ป.ป.ช. เปิดเผยว่า มีนักการเมืองอีกนับสิบคนที่ ป.ป.ช.อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริงการถือครองที่ดิน ซึ่งมีทั้งกรณีที่มีผู้ร้องเรียนมา และที่ ป.ป.ช.ตรวจสอบพบจากบัญชีทรัพย์สิน หากพบว่าเป็นการถือครองที่ไม่ถูกต้อง ก็อาจถูกชี้ว่า “ผิดมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง” และยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาพิจารณาเช่นเดียวกับรายที่โดนก่อนหน้านี้


เรื่องโดย – หงส์ลดา เห้งสีป้อง

คุณอาจสนใจ

Related News