เลือกตั้งและการเมือง

'ก้าวไกล' กังวล 'อานนท์ นำภา' ถูกตัดสินจำคุก 4 ปี ชี้ปัญหามาจากการใช้ ม.112 ปิดปากผู้เห็นต่าง-กำจัดศัตรูการเมือง

โดย chiwatthanai_t

26 ก.ย. 2566

51 views

วันที่ 26 ก.ย. 2566 พรรคก้าวไกลและนายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความเห็น กรณีนายอานนท์ นำภา นักเคลื่อนไหว ถูกศาลอาญาตัดสินจำคุก 4 ปี ว่า


"คดี 112 ของอานนท์ นำภา สะท้อนปัญหาการใช้กฎหมายละเมิดสิทธิเสรีภาพประชาชน ที่รัฐมิอาจเพิกเฉยอีกต่อไป วันนี้ ศาลอาญา รัชดาฯ ได้พิพากษาจำคุกอานนท์ นำภา ทนายความด้านสิทธิมนุษยชนและนักกิจกรรมทางการเมือง เป็นเวลา 4 ปี ด้วยความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 จากการปราศรัยเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2563


พรรคก้าวไกลกังวลอย่างยิ่งต่อคำพิพากษานี้ เพราะนี่เป็นอีกครั้งที่พลเมืองไทยถูกตัดสินจำคุกจากการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง อันเป็นเสรีภาพที่ได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ และการปราศรัยของอานนท์ ก็เป็นการพูดหลักการและเหตุผล ไม่ควรถือเป็นการดูหมิ่น หมิ่นประมาท และไม่ได้เป็นการแสดงความ ‘อาฆาตมาดร้าย’ ต่อองค์พระมหากษัตริย์


ตลอดเวลาที่ผ่านมา รัฐบาลทุกรัฐบาลพยายามไม่รับรู้ว่ากฎหมาย 112 มีปัญหา แต่นับวันปัญหานี้ยิ่งเด่นชัดขึ้น และการใช้ 112 ปิดปากผู้เห็นต่าง กำจัดศัตรูทางการเมือง กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้สังคมเริ่มตั้งคำถามถึงบทบาทของสถาบันพระมหากษัตริย์กับการเมืองมากขึ้นเรื่อยๆ จนมาถึงวันนี้พรรคก้าวไกล เชื่อว่าประชาชนจำนวนมากตระหนักดีว่ากฎหมายอาญามาตรา 112 เป็นส่วนหนึ่งของวิกฤตความขัดแย้งทางการเมือง แม้ว่าผู้มีอำนาจจะยอมรับหรือไม่ก็ตาม


รัฐบาลชุดใหม่บอกว่าจะสร้างความปรองดองในสังคม ซึ่งพรรคก้าวไกล เชื่อว่าสังคมไทยไม่สามารถเดินหน้าไปสู่ความปรองดองได้โดยปราศจากการสร้างความยุติธรรมและทิ้งปมปัญหานี้ไว้ใต้พรม


ดังนั้น การเสนอปรับปรุงแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 จะยังคงเป็นภารกิจของผู้แทนราษฎรก้าวไกล เพื่อหาทางออกจากความขัดแย้งทางการเมืองด้วยกระบวนการทางประชาธิปไตยและกลไกของระบบรัฐสภา และขอยืนยันว่า การปรับปรุงแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่พรรคเสนอ จะไม่กระทบต่อพระราชสถานะขององค์พระประมุข แต่จะยังส่งเสริมความสัมพันธ์ที่มั่นคงระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์กับประชาชนในประเทศไทยอีกด้วย


อย่างไรก็ตาม การแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 จะใช้เวลานาน และไม่ใช่ภารกิจที่จะสำเร็จโดยง่าย หากไม่ได้รับความร่วมมือจากพรรคการเมืองอื่น และถึงแม้จะแก้ได้สำเร็จ ก็ยังมีประชาชนอีกจำนวนมาก ที่ถูกตัดสินจำคุกไปแล้วจากกฎหมายนี้ รวมถึงกฎหมายอื่นๆ ที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือกำจัดและปิดปากผู้เห็นต่างกับอำนาจรัฐ เช่น กฎหมายอาญามาตรา 116 และ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ เพราะฉะนั้น พรรคก้าวไกลจึงเตรียมยื่นร่าง พ.ร.บ. นิรโทษกรรมคดีการเมือง เพื่อชำระสะสางคดีความทางการเมืองทั้งหมดในห้วงความขัดแย้งตลอดกว่าทศวรรษที่ผ่านมา โดยมีคณะกรรมการอันประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิ ทำหน้าที่พิจารณาหลักเกณฑ์การนิรโทษกรรมอย่างเป็นธรรม


สุดท้าย พรรคก้าวไกลขอเรียกร้องไปยังรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ว่าสิ่งที่รัฐบาลสามารถทำได้ทันที เพื่อบรรเทาการใช้กฎหมายละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชน คือการออกนโยบายสำหรับคดีการเมืองที่ยังไม่ขึ้นสู่ชั้นศาล ป้องกันไม่ให้มีการฟ้องคดีอย่างมิชอบด้วยกระบวนการและการบังคับใช้โดยใช้กฎหมายที่กลายเป็นการละเมิดเสรีภาพประชาชน ที่ผ่านมา ตำรวจและอัยการมีอำนาจในการพิจารณาสั่งไม่ฟ้องคดี หากเห็นว่าไม่เข้าข่ายความผิดตามกฎหมาย แต่เมื่อเป็นคดีความมั่นคง 112 หรือ 116 ก็มักสั่งฟ้อง ทำให้กลายเป็นภาระของประชาชนที่ต้องเสียทรัพยากรและเวลาต่อสู้ในชั้นศาล


ทั้งหมดนี้ ไม่ใช่การกระทำเพื่อใครคนใดคนหนึ่ง แต่คือการคืนความเป็นนิติรัฐให้กับประเทศไทย คืนความเชื่อมั่นศรัทธาที่ประชาชนมีต่อระบบตุลาการและทุกสถาบันหลักของประเทศ เพราะความอยุติธรรมต่อคนคนหนึ่ง เท่ากับความอยุติธรรมต่อพลเมืองทุกคน

คุณอาจสนใจ

Related News