เลือกตั้งและการเมือง

‘ปิยบุตร’ เตือนสติ ‘ก้าวไกล’ อย่าหวังเศษเนื้อข้างเขียง แนะ ‘พิธา’ เดินสายทั่วประเทศ ให้คนซึมซับว่าเป็นนายกฯ ตัวจริง

22 ส.ค. 2566

394 views

‘ปิยบุตร’ จัดเต็ม 1 ชม. จี้ ‘ก้าวไกล’ ประกาศตัวเป็นฝ่ายค้าน อย่าหวังเศษเนื้อข้างเขียง หากจะเอาคะแนนเสียงรอบหน้า แนะ ‘พิธา’ เดินสายทั่วประเทศ ให้คนซึมซับเข้าสมองว่าเป็นนายกฯคนที่ 30 ตัวจริง ถามพรรคร่วมชิงจัดตั้งรัฐบาล ทำไมต้องกาหัวไม่เอา ‘ก้าวไกล’ บอกไม่เป็นไร ใช้กลไกสภาตามฐานะพรรคที่มีเสียงอันดับหนึ่งดันกฎหมายให้ผ่าน เหน็บ ‘เพื่อไทย’ หาเสียงใหญ่โต จะทำจริงหรือไม่ ชี้มีความพยายามพาการเมืองไทยย้อนไปยุค 20 - 40 บอกห้ามไม่ได้หรอก สังคมก้าวหน้าแล้ว ลั่น คนมันตาสว่าง คงไม่กลับไปมืดอีก

เมื่อวันที่ 21 ส.ค.2566 นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ไลฟ์เฟซบุ๊กถึงการโหวตนายกรัฐมนตรีในวันนี้ เป็นเวลา 1 ชั่วโมงเต็มว่า นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยมีโอกาสผ่านสูง เข้าไปจัดตั้งรัฐบาล ภายใต้ 11 พรรคการเมือง 314 เสียง ตนจึงตั้งข้อสังเกตสำคัญไว้ 2 ประการ

ประการแรก การแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยในวันนี้มีการรวบรัดตัดความมาก ใช้เวลาไม่นาน เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้ถามน้อยมาก ซึ่งอาจจะตกลงกันไม่จบในเรื่องเก้าอี้รัฐมนตรี ซึ่งหน้ามาจากพรรคอื่นที่เรียกร้องไปถึงพรรคเพื่อไทย

“พรรคเพื่อไทยพยายามจะบอกว่าโหวตนายกรัฐมนตรีให้จบก่อน อย่าเพิ่งมาแบ่งกระทรวง แต่พรรคอื่นเรียกร้องว่าควรตกลงเรื่องการแบ่งกระทรวงให้ชัด วันนี้จึงออกมาแบบครึ่งทาง มีการแบ่งสัดส่วนแต่ยังไม่บอกว่าใครได้กระทรวงอะไรบ้าง” นายปิยบุตร กล่าว

นายปิยบุตร ย้ำว่าสิ่งสำคัญคือเนื้อหาในแถลงการณ์มีนัยยะสำคัญ ทำไมต้องขึ้นประโยคแรกด้วยคำว่าไม่มีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และไม่มีพรรคก้าวไกลเข้าร่วมรัฐบาล

“ประโยคนี้มีความจำเป็นในการจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ คุณก็เขียนอยู่แล้วว่า 314 เสียง มีโลโก้ทุกพรรคขึ้นหัวกระดาษหมดแล้ว ใจความสำคัญของแถลงนี่คือสนับสนุนคุณเศรษฐาเป็นนายกรัฐมนตรี คุณจะทำนโยบายอะไร จะผลักดันอะไร ไฉนเลยต้องพาดหัวว่าไม่มีการแก้ไขประมวลกฎ… ทำอย่างกับว่าไม่มีประโยคนี้แล้วจะมีโอกาสให้พรรคก้าวไกลไปร่วมรัฐบาลอย่างนั้นแหละ คนจะสงสัยว่าพรรคก้าวไกลจะร่วมรัฐบาลหรือไม่ จะสงสัยไปทำไม” นายปิยบุตร กล่าว

ตั้งแต่พรรคก้าวไกลส่งไม้ต่อให้พรรคเพื่อไทย จะเห็นได้ว่าคณะเจรจาของพรรคเพื่อไทยเน้นย้ำเรื่องนี้อยู่เสมอทุกครั้งว่า ไม่มี 112 ไม่มีก้าวไกล หลายฝ่ายบอกว่าเพื่อความสบายใจของพรรคที่จะเข้าร่วมรัฐบาล เพื่อความสบายใจของวุฒิสภา (สว.) ก็เลยต้องเน้นย้ำทุกวัน ซึ่งตนคิดว่าเป็นการแสดงออกแบบล้นเกิน อยู่เฉยๆไม่พอ ซึ่งเป็นสภาวะทางสังคมที่เอากับผู้เล่นการเมือง นักการเมืองและพรรคการเมืองต้องแสดงออกแบบล้นๆเยอะๆโดยเกิดจากสภาวะความกลัว

พรรคก้าวไกลชนะมาเป็นอันดับหนึ่ง 14 ล้านเสียง ได้ สส. 151 คน นักการเมืองก็ยังทำพฤติกรรมแบบนี้อีก ผลักไปอยู่ฝ่ายตรงข้ามทั้งที่มี 14 ล้านเสียง ดังนั้นจะไม่ให้พรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาลก็จบ เขาก็รู้ตัวอยู่แล้วว่าไม่ได้เป็น ประชาชนก็เริ่มรู้แล้ว แต่อย่าเขียนอะไรไปเอกสารให้เป็นแบบนี้ เขียนจนพูดทุกวันแล้วคนคิดว่าพรรคก้าวไกลไม่ได้เป็นรัฐบาล

ส่วนประการที่สอง นายปิยบุตร กล่าวว่า การจัดตั้งรัฐบาลในวันนี้คือการรวมหัวกันผลักประเทศไทยไปสู่ยุคปี 2520 และ 2540 อย่างที่ตนเคยพูดว่าการเลือกตั้ง 14 พ.ค. มีการพาประเทศไทยย้อนไปสู่อดีต กลุ่มหนึ่งอยากพาไปปี 2520 อีกกลุ่มอยากพาไปปี 2540 ในปี 2520 มีการอนุญาตให้มีการเลือกตั้ง แต่สุดท้ายไปเชิญนายพลมาเป็นนายกรัฐมนตรี โดยมี สว. ซึ่งเป็นข้าราชการ ประจำคอยคุม นักการเมืองได้เนื้อข้างเขียงมากิน แต่ต้องอยู่ภายใต้อาณัติของกองทัพ

อีกฝ่ายพยายามพาประเทศไปปี 2540 หลังจากเกิดเหตุการณ์พฤษภา 35 เหล่าการเมืองไทยพยายามให้ทหารออกจากการเมือง มีการปฏิรูปการเมืองเพื่อให้การเมืองดี ไม่ให้ทหารยึดอำนาจ ให้มีรัฐบาลมีเสถียรภาพพร้อมกับการตรวจสอบอำนาจรัฐ แต่จนแล้วจนรอดก็เกิดเหตุการณ์ล้มรัฐบาลไทยรักไทยในปี 2549 จนได้

นายปิยบุตร เปรียบเทียบว่า หากเรานอนหลับตั้งแต่ปี 2540 แล้วตื่นมาตอนนี้จะมองการเมืองไม่เปลี่ยนไปเลย เราจะเห็นกลุ่มเดิมๆ เราผ่านการชุมนุมหลายครั้งหลายหน ทุกคนต่างเป็นเหยื่อของการต่อสู้ แล้วท้ายที่สุดก็ย้อนเวลากลับไปเหมือนเดิม ขณะที่สภาพสังคมเปลี่ยน เหมือนมีความพยายามดึงเข็มนาฬิกาให้ถอยหลัง ตนมองว่าสิ่งหนึ่งที่ไม่สามารถย้อนได้คือความคิดของประชาชน

“คนมันตาสว่างแล้ว ไม่กลับไปมืดหรอก ฝืนธรรมชาติ ย้อนไปได้แค่วันนี้เป็นรัฐบาล วันนี้ได้นายกฯ เมื่อวานก่อนเราด่ากัน วันนี้เรามารวมกัน คุณได้แค่นี้แหละ แต่จำนวนประชากรใหม่เกิดขึ้น คุณห้ามไม่ได้ สภาพสังคมก้าวหน้า คุณห้ามไม่ได้” นายปิยุบตร กล่าว

นายปิยุบตร ย้ำว่า สิ่งที่ไม่ได้แน่ๆในการจัดตั้งรัฐบาลคืองานทางปัญญา ทางความคิด ตรงกันข้าม กลุ่มที่เคยได้ไป ณ วันนี้เขาไม่กลับไปแน่นอน

“เป็นสิ่งที่น่าเสียดายที่รัฐประหาร 49 ทำให้กลุ่มที่รักพรรคไทยรักไทยทั้งหมด ที่อยู่ขั้วตรงข้ามกับรัฐประหาร คุณสามารถสร้างพันธมิตรกับปัญญาชน กลุ่ม Society ตอนคุณถูกรัฐประหาร กลุ่ม Society ผนึกกำลังกันเข้ามาสนับสนุน แต่วันนี้คุณเลือกที่จะไปอยู่แบบเดิม แล้วรวมหัวกัน” นายปิยบุตร กล่าว

นายปิยบุตร กล่าวว่า ขอให้ปล่อยเขาไป กลุ่มที่เลือกพรรคก้าวไกลไม่ต้องเสียใจที่ไม่ได้บริหารประเทศ อย่างไรเสียมันก็เกิดขึ้น และสำเร็จเด็ดขาดในอีกไม่กี่วัน ขอให้ทำใจและเปิดศักราชการต่อสู้ใหม่ ยังไงก็หวนกลับมาไม่ได้

นายปิยุบตร ยังเสนอทฤษฎี Passive revolution หมายถึงการปฏิวัติการเบื้องบน โดยไม่ได้มีมวลชนเข้าร่วม เป็นกรณีที่ชนชั้นปกครองเห็นว่าการต่อต้านเริ่มแพร่กระจายขึ้น ทำให้กลุ่มชนชั้นปกครองทั้งหมดพยายามทำปฏิวัติแบบ Passive เพื่อรักษาอำนาจให้อยู่แบบเดิม

นายปิยบุตรยกตัวอย่างการเลือกตั้งปี 2562 ว่ากลุ่มชนชั้นปกครอง ระแวงพรรคเพื่อไทย จึงเขียนกติกาสกัดกั้น พอมีพรรคอนาคตใหม่ก็ยุบพรรคอนาคตใหม่ทำให้มีการชุมนุมประท้วงของเด็กรุ่นใหม่ มีผู้ถูกจับกุมคุมขัง แล้วพลังเหล่านี้ก็ระเบิดออกมาในการเลือกตั้งปี 2566 ซึ่งเป็นกลุ่มคนเรื่องพรรคก้าวไกล ที่เป็นคนรุ่นใหม่คนหน้าใหม่ ชนชั้นกลางที่ไม่ทนกับเก้าปีที่ผ่านมา

ซึ่งการเลือกตั้งในปี 2566 กระแสก้าวไก่ส้มทั้งแผ่นดินกลุ่มนี้อาจจะมาท้าทายอะไร บางอย่าง ดังนั้นกลุ่มชั้้ร ปกครองจะต้องตัดตอนคนกลุ่มนี้ก่อนโดยเริ่มจากดึงเอาพรรคเพื่อไทยออกจากขบวน ให้ไปเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแล้วโดดเดี่ยวพรรคก้าวไกล จากนั้นก็มัดหวังว่าอนาคตจะมีนิติสงครามมาทำลายพรรคก้าวไกลอีก

ตอนนี้กลุ่มมวลชนเริ่มมีการแตกแยกจากที่เกาะกลุ่มกันระหว่างพรรคก้าวไกลและเพื่อไทย ขณะเดียวกันชนชั้นปกครองก็จะปฏิรูปเช่นเศรษฐกิจแก้รัฐธรรมนูญ แต่แก้แบบนิดหน่อย

แต่คราวนี้จะไม่เหมือนปี 2520 และ 2540 เพราะมีพรรคการเมือง อย่างพรรคก้าวไกลที่เป็นตัวแทนของพลังฝ่ายก้าวหน้า หรือพลังใหม่ เป็นพลังของกลุ่มชนชั้นที่ไม่มีอำนาจรัฐเป็นเครื่องมือในการต่อสู้

ฝากไปยังพรรคก้าวไกล โดยเสนอว่า ข้อแรก ต้องปวารณาตัวเอง เป็นตัวแทนของพลังแบบใหม่ พลังของคนที่อยู่ใต้ปกครองมานานและอยากเปลี่ยนแปลงสังคม

“เลิกหวังว่าจะได้เศษเนื้อข้างเขียงจากเขา เลิกคิดเรื่องนี้ไปเลยต่อให้เขาแบ่งแล้ว คุณก็จะไม่ได้เป็นพรรคการเมืองที่เป็นแกนนำของพลังใหม่ อาจจะได้เสร็จเนื้อมากินอิ่มเพียงชั่วระยะหนึ่ง แต่ระยะยาวจะไม่ได้เป็นพรรคหัวหอก”

ข้อที่สอง ต้องทำภารกิจต่อต้าน Passive revolution ให้สำเร็จ และข้อที่สาม พรรคก้าวไกลจะต้องแสวงหาแนวร่วมในวงกว้างให้มากกว่าเดิม กลุ่มคนที่ไม่ทนหรือทนไม่ได้กับสิ่งที่เป็นอยู่ เพื่อให้การเลือกตั้งครั้งหน้าขยับขึ้นเป็น 20 ล้านเสียงให้ได้

นายปิยุบตร ยังเสนอแนวทางให้พรรคก้าวไกลในระยะสั้น 10 ข้อ

1.พรรคก้าวไกลควรแถลงข่าวแบบทางการ แบบอลังการ และอหังการ ประกาศตนเป็นฝ่ายค้าน ประณามการจัดตั้งรัฐบาล 314 เสียง

2.ควรเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแข่งในวันพรุ่งนี้ (22 ส.ค.66) ซึ่งการเสนอนายพิธาเป็นหมุดหมายสำคัญ

“แพ้อยู่แล้วใครๆ ก็รู้ เสนอไปเพื่อเป็นหมุดหมายทางสัญลักษณ์ว่านี่คือฝ่ายตรงข้ามของขบวนการย้อนอดีต” นายปิยบุตร กล่าว

3.สส. 151 คน งานสภาฯทำง่ายขึ้น เอากลไกในสภาใช้ให้เป็นประโยชน์และแหลมคมที่สุด

“ลบล้างผลพวงรัฐประหาร พรรคเพื่อไทยเอาไปโฆษณาใหญ่โตตอนหาเสียง ว่าจะทำเรื่องนั้น เรื่องนี้ เรื่องโน้น ผมไม่รู้ว่าถึงเวลาจะกล้าทำหรือไม่เพราะดูองค์ประกอบแล้วสงสัยจะไม่ทำ ก้าวไกลก็ต้องทำเลยครับ ผ่านไม่ผ่านไม่รู้” นายปิยบุตร กล่าว

4.สิ่งที่ทำมาตั้งแต่ตอนจัดตั้งรัฐบาล อย่าไปโยนทิ้งถังขยะ เอาออกมาแถลงให้ประชาชนทราบว่าถ้าเป็นรัฐบาลจะทำอะไรบ้าง ให้ประชาชนเห็นว่าตั้งใจขนาดไหน ในขณะที่ฝั่งตรงข้ามยังแย่งเก้าอี้รัฐมนตรีกันอยู่

5.นายพิธา ควรเดินสายทั่วประเทศ ให้คนเกิดความรับรู้ซึมเข้าไปอยู่ในสมอง และความคิดจิตใจอยู่เสมอว่าพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ คือนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ตัวจริง

6.เลือกตั้งซ่อมที่จังหวัดระยอง ต้องทุ่มสรรพกำลังทั้งหมดหน้าตัก แพ้ไม่ได้

7.พรรคก้าวไกลควรสร้างฐานให้เป็นพรรคมวลชน ตระเตรียมพรรคใหม่ หากเกิดอุบัติเหตุ

8.นิติสงครามที่พุ่งเข้ามา เตรียมการสู้ให้ดี และใช้จุดนี้เป็นเครื่องมือกระชากหน้ากากพวกเขา

9.ขยายแนวร่วมสร้างงานทางความคิดดึงคนที่ผิดหวังกับพรรคเพื่อไทยจำนวนมากในเวลานี้ เข้ามาอยู่กับพรรคก้าวไกลให้หมด ติดอาวุธทางความคิดตลอด 4 ปีหลังจากนี้

10.ดูแลรักษาน้ำใจของคนที่อยู่กับพรรคก้าวไกล

นายปิยบุตร ระบุด้วยว่า ตนไม่ได้ครอบงำพรรคก้าวไกล หากจะครอบงำ ตนก็ต้องเปิดประตูแล้วเข้าไปสั่งการแล้ว ถึงต้องมาพูดและนำเสนอในวันนี้ เหมือนประชาชนพลเมืองคนหนึ่งที่สนับสนุนพรรค และการไลฟ์ครั้งนี้ เป็นการนำเสนองานทางปัญญา ขอให้คนที่วิพากษ์วิจารณ์ไม่ต้องกังวลว่าพรรคจะโดนยุบ ตนเชื่อว่าเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์

คุณอาจสนใจ

Related News