เลือกตั้งและการเมือง

'จตุพร' ไม่เชื่อ 'ทักษิณ' กลับไทย 22 ส.ค.นี้ จนกว่าจะได้เห็นตัวเป็นๆ

19 ส.ค. 2566

49 views

จตุพร ยังไม่เชื่อ ทักษิณ กลับไทย 22 ส.ค. บอกหากยังไม่เห็นตัวเป็นๆ อย่าเพิ่งเชื่อ มองเป็นเกมหวังผลโหวตนายกฯ แต่เชื่อว่า เศรษฐา ไม่ได้เป็นนายกฯ



นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน ระบุว่า กล่าวถึงการกลับไทยของนายทักษิณ ชินวัตร ในวัน 22 สิงหาคม นี้ ว่า หากยังไม่เห็นตัวจริงอย่างเพิ่งด่วนสรุปว่าจะกลับไทย 100% เพราะช่วงนี้ก่อนโหวตยังอยู่ระหว่างการแบ่งกระทรวงของพรรคร่วมตั้งรัฐบาล ก่อนที่จะมีการแถลงของ 11 พรรคในวันจันทร์ที่ 21 สิงหาคม ซึ่งพร้อมกับการแถลงของ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ขณะเดียวกันในวันที่ 22 สิงหาคม ยังมีการตัดสินคดีทุจริตโรงพัก ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณอีกด้วย



นายจตุพร มองว่าการตัดสินใจกลับของนายทักษิณนั้น ว่าสามารถเลือกวันอื่นกลับได้ แต่ความเขี้ยวลากดินที่คิดว่าการประกาศกลับบ้านไม่มีอะไรเสียเพราะประกาศมาแล้วกว่า 20 ครั้ง คงเห็นแล้วว่าไม่ส่งผลอะไร หลายคนอาจเชื่อว่านางสาวแพทองธารเป็นคนประกาศเอง แต่ยังอยู่สถานการณ์ยากลำบาก หรือติดลบ เพราะเป็นแคนดิเดตนายกฯด้วย ประกาศปิดสวิตส์ สว. -ปิดสวิตส์ 3ป. -ไม่จับมือพรรค2ลุง จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ขณะนี้



"ถ้าคุณเศรษฐา ทวีสิน ยังไม่ถูกเปลี่ยนตัว ไปโหวตในวันที่ 22 สิงหาคมจะไม่ผ่านเสียง สว. จะไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี หลายคนตั้งคำถามว่าจะไปเจรจาแบ่งกระทรวงกันทำไม มองว่าเป็นการตกลงกระทรวงให้เรียบร้อยเวลาเปลี่ยนเปลี่ยนเฉพาะหัวเท่านั้น ดังนั้นขณะนี้สิ่งที่ได้ประเมินค้างเอาไว้ จะมีการเปลี่ยนตัวกันหรือไม่ เช่น การเปลี่ยนจากเศรษฐามาเป็นคนอุ๊งอิ๊งค์หรือไม่ เพราะเกมสถานการณ์ขณะนี้ เพื่แความสมบูรณ์ที่สุดของการทรยศหลักหลังทั้งปวง และเป็นการปิดฉากตระกูลชินวัตรอละพรรคเพื่อไทย ต้องให้คุณอุ๊งอิ๊งค์เข้าไปสู่การโหวตนายกฯ แม้ถูกวิจารณ์แต่ก็ผ่าน" นายจตุพรกล่าว



นายจตุพรยังหยิบยกเรื่องประเด็นความน่าเชื่อถือหรือข้อครหาของ นางสาวแพรทองธารไม่ต่างจากกรณีนายเศรษฐาเรื่องการทำธุรกรรม อาจถูกชำแหละวันโหวตและก็ผ่านโหวตได้ แต่จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ เพราะก่อนจะถึงกระบวนการโปรดเกล้าฯ นำ ครม.ถวายสัตย์ และแถลงนโยบายรัฐสภา ยังมีเวลาร่วม 1 เดือนที่ต้องติดตาม อาจได้เป็นนายกฯคนที่ 30 นาน 1 เดือน จากนั้น อาจมีพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นนายกฯคนที่ 31 เว้นถูกล้มกระดานโดยการรัฐประหารเสียก่อน



นายจตุพรยังอ้างข้อมูลที่มีคนการเมืองไปเจรจากับนายทักษินที่ฮ่องกงว่า นายทักษิณยืนยันการกลับบ้าน และการตั้งรัฐบาลไม่มีพรรครวมไทยสร้างชาติและ พลังประชารัฐจนมีกระแสในข่าวประเทศ แต่ก็ไม่ได้กลับไทยตามที่ประกาศไว้ 10 สิงหาคม จนต้องตระบัดสัตย์ด้วยการจับมือกับ 2 พรรคนั้น



"เห็นว่าการประกาศรอบนี้เพื่อหวังในการโหวตนายกรัฐมนตรี อาจมีการเปลี่ยนแท็กติกเพราะคนระดับนายทักษิณ ปฏิเสธกลับบ้านเข้ากระบวนการยุติธรรมตลอด 15 ปี อยู่ดีๆตัดสินใจกลับมา คนไทยต้องอดทนและต้องดูวันที่ 22 ตอน 9 โมงว่าเห็นตัวเป็นๆของนายกทักษิณที่ดอนเมืองหรือไม่ ต้องไม่ลืมการประกาศกลับที่ผ่านมาเกิน 20 ครั้งมาแล้ว เพราะฉะนั้นนายทักษิณไม่มีอะไรเสียเรื่องตระบัดสัตย์ แต่ลูกสาวและพรรคเพื่อไทยไม่มีต้นทุนอะไรเหลือแล้ว" นายจตุพรกล่าว



นายจตุพร ยังกล่าวอีกว่าจะบอกยึดสาระของนายทักษิณที่ประกาศกลับบ้านไม่ได้ เพราะประกาศมา 20 ครั้ง ส่วนตัวหวังให้ได้กลับมาเพราะจะได้ยุตติในประเด็นของนายทักษิณ และตนไม่เชื่อว่าจะกลับมา 22 สิงหาคมนี้ นอกจากนี้ยังมีคดีความผิด 3 คดี รวมติดคุก 10 ปี ยังไม่เห็นคำแนบท้ายคำสั่งศาลว่ามีการนับโทษต่อหรือไม่ เพราะต้องรับโทษติกคุกไม่น้อยกว่า 4 ปี และหากสั่งนับรวมติด 3 ปีเศษ



ส่วนการขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะรายในช่วง 5 ปีของการติดคุกของตัวเองนั้นเจออดีตรองนายกและอดีตรัฐมนตรี อดีตข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ หลายคนขอพระราชทานอภัยโทษเรื่องการ ทุจริตไม่เคยได้รับการอภัยโทษเลยแม้แต่กรณีเดียว และยังน้ำความเชื่อเดิมว่านายทักษิณกลับไทยแต่ไม่ต้องการที่จะติดคุก



ส่วนความคืบหน้าการตั้งรัฐบาล ที่มีโผครม. เผยแพร่ออกมารายวันนั้น นายจตุพรระบุว่าจากข้อมูลที่ตนมี ตอนนี้การแบ่งกระทรวงยังไม่เรียบร้อย ยังมีเวลาเจรจา โผที่ออกมาบางส่วนไม่ใช่ข้อเท็จจริง แต่เชื่อว่าถึงอย่างไรนายเศรษฐาจะไม่ได้เป็นนายกฯ



ส่วนกรณีกระแสสังคมเรียกร้องนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายจตุพรระบุว่าหากนายแพทย์ชลน่านลาออกความกดดันจะไปอยู่ที่นางสาวแพทองธารและนายเศรษฐา รวมถึงคนอื่นๆในพรรคเพื่อไทยที่เคยประกาศไว้ว่าจะไม่ร่วมจับมือกับพรรค 2 ลุง



ซึ่งหากนายแพทย์ชลน่านจะแสดงความรับผิดชอบจะมาตรฐานการรับผิดชอบจะไม่น้อยกว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่แสดงความรับผิดชอบลาออกจาก หัวหน้าพรรคและสส. หลังนำพรรคประชาธิปัตย์แพ้การเลือกตั้ง นายแพทย์ชลน่านต้องไม่มีมาตรฐานที่ต่ำกว่านายอภิสิทธิ์ นอกจากลาออกจากหัวหน้าพรรค จะต้องลาออกจาก สส. และอย่าได้คิดว่าจะลาออกจากหัวหน้าพรรคเพื่อไปเป็นรัฐมนตรี เพราะจะเป็นอย่างไม่มีความสุขมากที่สุด



ซึ่งที่ตนพูดแบบนี้เพราะมีท่าทางว่าอาจจะมีการแสดงรับผิดชอบแต่หากเป็นเช่นนั้นก็จะต้องเป็นโดมิโน่ไปถึงนางสาวแพทองธารและนายเศรษฐาด้วย

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ