เลือกตั้งและการเมือง

‘กัณวีร์’ ย้ำจุดยืนไม่เอา 2 ลุง ชี้สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่สลายขั้ว แต่เป็นการจับกลุ่มก้อนของขั้วรัฐบาลเดิม

โดย nicharee_m

10 ส.ค. 2566

66 views

‘กัณวีร์’ ชี้ถ้ารักษาประชาธิปไตยไม่ได้ ก็ไม่ต้องไปเสียดายที่ไม่ได้ร่วมรัฐบาล ชี้สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่สลายขั้ว แต่เป็นการจับกลุ่มก้อนของขั้วรัฐบาลเดิม คงโดดเดี่ยวหาก ‘ก้าวไกล’ ยอมโหวตเพื่อไทยที่มี 2 ลุง

วันที่ 10 ส.ค.66 นายกัณวีร์ สืบแสง สส.และเลขาธิการพรรคเป็นธรรม โพสต์เฟซบุ๊กหลังให้สัมภาษณ์ถึงการจัดตั้งรัฐบาล โดยระบุข้อความว่า

“จะถูกโดดเดี่ยว ก็ไม่เป็นไรครับ เพราะผมเสียงเดียวอยู่แล้ว ถ้ารักษาหลักการประชาธิปไตยไม่ได้ เราก็ไม่ต้องไปเสียดายหรอกครับที่ไม่ได้เข้าร่วมรัฐบาล”

วันนี้พี่ๆ น้องๆ นักข่าวได้สัมภาษณ์เรื่องประเด็นการเมือง ประเด็นที่พรรคเพื่อไทยกำลังพูดคุยจัดตั้งรัฐบาล โดยจะมีการสลายขั้วการเมือง ผมได้ย้ำไปว่า การเปลี่ยนขั้วไม่ควรเกิดขึ้นในการเมืองไทยอีกต่อไป เราต้องสร้างระบอบประชาธิปไตยอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งทางพรรคเพื่อไทยไม่ได้มีการติดต่อพรรคเป็นธรรมมา อาจเพราะจุดยืนที่มั่นคง

“สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่สลายขั้ว แต่เป็นการจับกลุ่มก้อนของพรรคก็เป็นขั้วรัฐบาลเดิม” ซึ่งกฎกติกาต้องยึดมั่นให้ได้ หากเป็นแบบนี้ ต่อไปจะทำอย่างไร ถ้าเลือกตั้งชนะแล้วไม่ได้เป็นนายก ประชาชนก็จะหมดศรัทธา ส่วนจะโหวตให้แคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทยหรือไม่นั้น ตนเองก็ขอดูก่อนว่าสูตรการจัดตั้งรัฐบาลเป็นอย่างไร แต่ถ้ามี 2 ลุง ก็ไม่เอา ซึ่งตอนนี้เสียงก็ยังไม่มีถึงกึ่งหนึ่ง อาจจะต้องมีเพิ่มอีกพรรค.

ส่วนกรณีที่จะมี สส. จากพรรคพลังประชารัฐ พรรครวมไทยสร้างชาติ หรือพรรคประชาธิปัตย์มาร่วมรัฐบาลเป็นกลุ่ม อาจไม่ได้มาทั้งพรรค ได้ตอบไปว่า ถ้าเป็นแบบนั้นก็แย่ เพราะตอนหาเสียงบอกในนามของพรรค แต่พอตั้งรัฐบาลบอกในนามบุคคล แต่ควรเป็นมติพรรค ไม่อยากเห็นประชาธิปไตยบิดเบี้ยว ในอนาคตประชาชนจะไม่เชื่อถือนักการเมือง

“ส่วนตัวไม่อาจก้าวล่วงว่าพรรคก้าวไกลจะติดสินใจอย่างไร แต่หากสูตรจัดตั้งรัฐบาลมีสองลุง พรรคเป็นธรรมคงไม่ไปเช่นเดียวกับพรรคก้าวไกล หากพรรคก้าวไกลตัดสินใจโหวตให้พรรคสองลุงก็ปล่อย เป็นฝ่ายค้านคนเดียวก็จะเป็น เพราะตอนนี้ก็โดดเดี่ยวในสภาฯ นั่งอยู่คนเดียว”

ส่วนที่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยระบุว่าพรรคสองลุงเหมือนแม่ทัพได้ตายไปแล้ว แต่ควรเลี้ยงไพร่พลไว้ เป็นเหมือนการส่งสัญญาณอะไรหรือไม่นั้น ผมเห็นว่า อุดมการณ์ยังคงอยู่ กลไกที่ขัดขวางระบอบประชาธิปไตยแบบเต็มใบยังอยู่ รัฐธรรมนูญปี 2560 สร้างกลไก สว.ขึ้นมา ทำให้ประชาธิปไตยไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ หากสองพรรคนี้มาร่วมรัฐบาลใหม่อีก อาจมีกลไกมากขึ้น เราต้องรออีก 9 เดือนให้ สว.ระเหิดไป ขอเป็นกระบอกเสียงหากรีบเร่งจัดตั้งรัฐบาลโดยไม่คำนึงถึงอนาคต หากเขาเข้าไปมีอำนาจ ก็อาจสร้างกลไกกีดขวางระบอบประชาธิปไตยอีก

นักข่าวถามด้วยว่าอนาคตทางการเมืองจะย้ายไปอยู่กับพรรคก้าวไกลหรือไม่ ผมย้ำไปว่า เวลาเราอยู่ในตลาด เราอยากสร้างผลผลิตที่มีคุณภาพให้ประชาชนเป็นคนเลือก พรรคก้าวไกลมีแนวทางของเขา พรรคเป็นธรรมก็มีทางเดินของเรา สินค้าสองตัวนี้ ซึ่งไม่อยากยกหางตนเอง แต่เป็นสินค้าที่ทำให้ระบอบประชาธิปไตยเป็นของประชาชน

“ตอนนี้โลโก้ใช้ได้ แพ็กเกจใช้ได้ให้พี่น้องประชาชนเป็นผู้ตัดสิน การจัดตั้งรัฐบาลโดยเร็วไม่ใช่เครื่องตัดสิน การตั้งรัฐบาลโดยเร็วไม่ใช่การตัดสิน แต่เสียงเรียกร้องของประชาชนต่างหากที่เป็นเครื่องตัดสิน อยากจะเห็นประชาธิปไตยที่เกิดขึ้นโดยเป็นรัฐบาลจากประชาชนจริงๆ”

สุดท้ายนักข่าวถามว่าไม่เชื่อว่าพรรคเพื่อไทยจะสามารถแก้รัฐธรรมนูญได้ใช่หรือไม่ ผมเห็นว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเชื่อว่า ทุกพรรคมีแนวคิดเหมือนกัน แต่การจะแก้ไขอย่างไร ใช้กระบวนการใด หากจะใช้การจัดตั้งรัฐบาลโดยเร็วเพื่อแก้รัฐธรรมนูญนั้นไม่ใช่ ต้องดูว่าอำนาจของประชาชนอยู่ตรงไหนและคืนอำนาจให้ประชาชนอย่างไร หากไม่ใช่รัฐบาลที่มาจากประชาชน ก็ไม่สามารถคืนอำนาจให้กับประชาชนได้

คุณอาจสนใจ

Related News