‘อนุทิน’ ไม่ติดใจ ‘เศรษฐา’ เคลียร์ใจกันแล้ว ไม่กังวล ‘เพื่อไทย’ ขอขมา ‘ก้าวไกล’

วันนี้ (9 ส.ค.) ที่รัฐสภา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยพร้อมขอขมาพรรคก้าวไกลเพื่อสลายขั้วการเมือง ในฐานะที่พรรคภูมิใจไทยมีจุดยืนไม่เอาพรรคก้าวไกลมาตลอด มีความกังวลว่าพรรคก้าวไกลจะกลับมาร่วมจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ ว่า พรรคเพื่อไทยได้แถลงร่วมกับพรรคภูมิใจไทยแล้ว ตอนนี้รวมกันเป็น 212 เสียงแล้ว เงื่อนไขต่างๆก็พูดคุยกันอย่างชัดเจนแล้ว ก็เป็นไปตามนั้น ตนไม่กังวล

เมื่อถามว่ายังมั่นใจในพรรคเพื่อไทยว่ายังเหนียวแน่นกับภูมิใจไทยใช่หรือไม่ นายอนุทิน ยิ้มและตอบว่า “พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำนะ ก็ต้องมีความเชื่อถือสูงอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นจะนำพรรคการเมืองอื่นได้อย่างไร อย่าไปกังวล ประชาชนก็ไม่ควรกังวล พรรคเพื่อไทยได้แถลงอย่างชัดเจนแล้วว่า MOU 8 พรรคไม่มีอีกต่อไปแล้ว พรรคเพื่อไทยเชิญพรรคภูมิใจไทยเข้าร่วมรัฐบาล เราตกลงว่าไม่ใช่ 141 แล้วนะ แต่เริ่มต้นด้วย 212 เพื่อให้มั่นคง แข็งแกร่งขึ้น ทุกอย่างก็เป็นไปได้ด้วยดี”

ส่วนภูมิใจไทยจะช่วยหาเสียงเพิ่มอย่างไรนั้น นายอนุทิน บอกว่า ต้องช่วยอยู่แล้ว ช่วยจนสุดความสามารถ แม้กระทั่งอีก 6 พรรคการเมืองที่มาร่วมแถลงข่าว ตนเชื่อว่าทุกพรรคต้องช่วยกันร่วมจัดตั้งรัฐบาล

เมื่อถามว่าติดใจหรือไม่หากให้พรรคก้าวไกลมาร่วมโหวตให้ และอาจมีการดึงมาร่วมรัฐบาลภายหลัง นายอนุทิน กล่าวว่า เป็นเรื่องของอนาคต เราร่วมรัฐบาลกันแล้ว ก็ต้องสนับสนุนกันให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่มีใครทำผิดกฎหมาย อยู่ด้วยกัน ทำให้เกิดความมั่นคง มีเสถียรภาพทางการเมือง ถ้าเราปฏิบัติกันแบบนี้ มันก็คงไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร แต่ถ้าเราปฏิบัติกันไม่ดีต่อให้มัดกันอย่างไร ก็จะเป็นอย่างว่า

ส่วนเสัยงสนับสนุนอื่นที่จะเข้ามาร่วม มองว่าจะเป็นพรรคไหน นายอนุทิน กล่าวว่า หากพรรคเพื่อไทยร้องขอมาว่า “อ้าว คุณหนู ให้ช่วยไปทำโน่น ทำนี่หน่อย รู้จักคนนั้น คนนี้มั๊ย ทาบทามให้หน่อย หรือไม่ ผมก็ยินดีจะให้ความช่วยเหลือ ถ้าท่านไม่ได้ร้องขอมาเราก็ต้องให้ท่านทำหน้าที่แกนนำ เรื่องการสนับสนุน เอาใจช่วย มีเต็มร้อยอยู่แล้ว”

เมื่อถามว่าเชื่อมั่นว่าการโหวตนายกรัฐมนตีจะจบที่พรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายอนุทิน นิ่งไปสักครู่ก่อนจะยิ้มแล้วตอบว่า อยากให้เป็นเช่นนั้น

ส่วนเสียงสว. ที่มีข้อครหา ต่อนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย หากเปลี่ยนตัวเป็นน.ส.แพทองธาร ชินวัตร มองว่าจะดีกว่าหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องไปถาม สว. ในส่วนพรรคภูมิใจไทย เราชัดเจนแล้วว่าร่วมกันแล้ว เราอยู่บนสปิริตของการตัดสินใจร่วมกันแล้ว ดังนั้นถ้าพรรคเพื่อไทยจะนำเสนอนายกฯคนใดในบัญชี พรรคภูมิใจไทยก็ต้องสนับสนุน

ส่วนมีโอกาสจะเสนอชื่อ นายอนุทินหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เอาไว้พรรคภูมิใจไทยเป็นแกนนำก่อน ค่อยว่ากัน

ส่วนติดใจหรือไม่กับนายเศรษฐา เนื่องจากช่วงหาเสียงมีการพาดพิงถึงกันหลายครั้งทั้งเรื่องกัญชา กระทรวงสาธารณสุข ในฐานะคนที่ต้องโหวตให้ นายอนุทิน กล่าวว่า ตอนที่นายเศรษฐากล่าวหามาตนก็ได้ตอบโต้ไปแล้ว ถือเป็นอันจบกัน นายเศรษฐากับตน ไม่ได้เพิ่งรู้จักกันตอนมาทำการเมือง รู้จักกันมา 20-30 ปี มีเพื่อนฝูงซ้ำกันหลายคน ลูกๆก็รู้จักกัน ได้เคลียร์ใจกันพอสมควรแล้ว

ในส่วนพรรคภูมิใจไทยให้การสนับสนุนแคนดิเดตนายกฯจากพรรคเพื่อไทยเต็มที่ มั่นใจว่า 71 คนของพรรคภูมิใจไทยเห็นชอบแน่ๆ ส่วนการพูดคุยกับสว. ตนขอไปหารือก่อน

ส่วนจะเป็นกาวใจหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่มีปัญญาขนาดนั้น แต่เราต้องฟังความคิดเห็น สังคมวันนี้เป็นสังคมที่ต้องฟัง ทั้งข่าวดี ข่าวร้าย ข้อติติงใข้อสเนอแนะ หากไม่ใจร้อนและไปคิด วิเคราะห์ และใช้สมาธิ น่าจะมีทางออก

ส่วนกรณี มี สส.บางคนอยากมาร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย แต่ต้นสังกัดไม่มาร่วมด้วย ทำให้อาจมีการย้ายพรรคมาภูมิใจไทย มีการติดต่อเรื่องนี้มาบ้างหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ถึงจุดนั้น รอให้มีเหตุการณ์นั้นก่อน และยังมองว่าเร็วไป

“พูดอะไรก่อนก็ไม่ได้ เดี๋ยวก็เปลี่ยนไป เปลี่ยนมา เพราะฉะนั้นทำวันนี้ให้ดีที่สุด เรามีหน้าที่อะไรก็ทำให้ดีที่สุด ถ้าทำไม่สำเร็จก็บอกตัวเองว่าสุดๆแล้ว”

เมื่อถามย้ำว่า มีสส.บางคนอยากจะมาแต่พรรคไม่ให้มาจึงอยากมาร่วมรัฐบาลแค่บางคน บางกลุ่ม นายอนุทินกล่าวว่า ต้องถามพรรคเพื่อไทยว่าจะใช้รูปแบบไหนในการหาเสียง เข่นเรื่องพรรคก้าวไกล ก็เป็นสิทธิที่พรรคเพื่อไทยดำเนินการ ตราบใดที่ไม่ได้ขัดแย้งกับข้อตกลงที่มีร่วมกันระหว่างภูมิใจไทยกับเพื่อไทยก็ต้องถือเป็นสิ่งที่ดี ลดความขัดแย้งให้ได้มากที่สุดก็ถือเป็นสิ่งที่ดี

สำหรับกระแสข่าว สว.ที่พร้อมโหวตให้นายอนุทิน หรือพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีแคนดิเดตจากพรรคพลังประชารัฐนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า ขอบคุณในความหวังดี แต่ขอให้เป็นไปตามกลไก “แค่นึกถึงผม ผมก็ดีใจแล้วแหละ แต่ความเหมาะสม กระบวนการ กฎหมาย ขั้นตอน ต้องเป็นไปตามระบบรัฐสภา “