เลือกตั้งและการเมือง

‘เอกนัฏ’ เผย ‘เพื่อไทย’ ยังไม่ติดต่อร่วมรบ. ปม 2 ลุงไม่เป็นปัญหา ‘บิ๊กตู่’ วางมือแล้ว

โดย attayuth_b

2 ส.ค. 2566

55 views

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลัง พรรคเพื่อไทยแถลง แยกทางกับพรรคก้าวไกลในการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน ว่าในส่วนของพรรครทสช.จะมีความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะร่วมงานรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย โดยนายเอกนัฏ กล่าวว่า เรายังเหมือนเดิม ต้องดูเป็นสเตฟไปก่อนอันดับแรกคือการเลือกนายกรัฐมนตรี สำหรับพรรครทสช. เราประกาศชัดเจนอยู่แล้วว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่ยังมีวาระการแก้ไขหรือยกเลิกมาตรา 112 และยังมีพรรคก้าวไกลอยู่ก็คงไม่สามารถโหวตให้ได้ แต่หากรู้จักเงื่อนไขเหล่านี้ก็คงต้องไปดูต่อไป ว่าตกลงแล้ว จะไปกันได้หรือไม่ได้

เมื่อถามถึงการที่พรรคเพื่อไทยประกาศชัดเจนว่าไม่ร่วมงานกับพรรคก้าวไกลและไม่มีการแก้ไขมาตรา 112 นายเอกนัฏ กล่าวว่า เขาเพิ่งแถลงเสร็จเมื่อสักครู่นี้เอง ยังต้องพูดคุยกันอีก ยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อมาจากพรรคเพื่อไทย และยังไม่ได้พูดคุยกับ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย

เมื่อถามว่าการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีจะเป็นนายเศรษฐา ทวีสิน เหมาะสมหรือไม่ ในฐานะที่พรรคเตรียมร่วมงานกับ รัฐบาลพรรคเพื่อไทย นายเอกนัฏ ย้ำว่า ส่วนตัวคิดว่าเป็นสิ่งที่ต้องประกาศให้ชัดทั้งสองครั้งเนื่องจากการโหวตนายกครั้งสองครั้งติดประเด็นมาตรา 112 มีการอภิปรายและหารือในรัฐสภาทั้งจากฝั่งสว. และ สส. ดังนั้นประเด็นนี้ต้องมีการชี้แจงให้ชัดเจนก่อนจะมีการโหวตนายกฯ สิ่งนี้เป็นข้อแรก ถ้าพรรคเพื่อไทยประกาศชัดเจนแล้วว่าจะไม่เดินหน้าแก้ไขมาตรา 112 และไม่เป็นวาระของรัฐบาล หรือพรรคการเมืองใดในรัฐบาล มันก็เริ่มพูดคุยกันได้ ส่วนจะร่วมรัฐบาลหรือไม่ต้องพูดคุยกันก่อน เพราะมีอีกหลายเรื่อง

ส่วนที่ก่อนหน้านี้พรรคเพื่อไทยเคยประกาศไม่ร่วมงานกับ 2 ลุง ทั้งพรรคพลังประชารัฐและพรรครทสช.นั้นจะเป็นปัญหาในการร่วมรัฐบาลหรือไม่ หรือจะไปร่วมกันเพียงบางส่วนหรือไม่ นายเอกนัฏ กล่าวว่า ไม่ต้องแก้ปัญหา สำหรับพรรครทสช. เราไม่ติดใจที่จะเป็นฝ่ายค้าน เพราะฉะนั้นจะเป็นรัฐบาลก็ได้หรือเป็นฝ่ายค้านก็ได้ จะอยู่ตรงไหนต้องรักษาจุดยืนของเรา

ส่วนการพูดว่าไม่เอาลุง พรรครทสช.มองว่า พล.อ.ประยุทธ์ก็ได้ลาออกไปแล้ว แล้วจะเอากันไปถึงไหน ตนมองว่าควรพูดถึงเรื่องอนาคตดีกว่า ว่าตกลงแล้วอะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับประเทศมีอยู่แค่นั้น ตามที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรคได้เคยพูดไว้ ถ้าเรามัวจมอยู่แต่กับอดีตมันก็จะไม่มีอนาคต เพราะฉะนั้นก็ต้องคิดถึงอนาคต

เมื่อถามว่าหากต้องไปร่วมทำงานกับพรรคเพื่อไทยจะต้องพูดคุยกับฝ่ายที่สนับสนุนพรรครทสช.อย่างไร นายเอกนัฏ ย้ำว่า สิ่งที่สำคัญคือการรักษาจุดยืนของพรรค ที่ผ่านมาสองถึงสามสัปดาห์ แม้ว่าเราจะเป็นพรรค 36 เสียง แต่เราได้แสดงจุดยืนในสภาอย่างชัดเจนในการโหวต ประธานสภาฯและโหวตนายกรัฐมนตรี และยอมรับว่า 36 เสียงอาจจะมีผลในการจัดตั้งรัฐบาลยาก เพราะเป็นตัวเลขที่ไม่เยอะ เราเข้าใจตรงนี้ดี ในสภาเราก็ทำหน้าที่ของเราส่วนนอกสภา เราก็มีหน้าที่หลายอย่างในการพัฒนาพรรค เพื่อปรับปรุงการบริหารจัดการให้การทำงานการเมืองมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้คนถูกใจเรามากขึ้น จะอยู่ตรงไหนทั้งในและนอกสภาจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด

ส่วนการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีจะปล่อยให้มีการฟรีโหวตหรือไม่ ยังไม่มีการพูดคุย ต้องหารือกันในที่ประชุมพรรควันนี้ เพราะข้อมูลยังไม่เพียงพอในการตัดสินใจ ณ เวลานี้ แต่จะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน จะให้ฟรีโหวตคงเป็นไปไม่ได้ เราไม่ทำการเมืองแบบนั้น ย้ำจุดยืนเดิมคือการรักษาอุดมการณ์ และตั้งแต่โหวตเลือกนายกฯมาเราไม่เคยมีงดออกเสียง จะมีเห็นชอบและไม่เห็นชอบเท่านั้น พร้อมย้ำว่าพรรคเพื่อไทยยังไม่ได้มีการนัดหมายพูดคุยมา

ส่วนที่พรรคเพื่อไทยแถลงหากจัดตั้งรัฐบาลได้จะเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องแรกนั้น นายเอกนัฏ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับว่าแก้อะไร หากแก้แล้วเป็นผลดีก็เรื่องหนึ่ง ส่วนหากจะแก้ให้การจัดตั้งรัฐบาลในอนาคตง่ายขึ้นนั้น มองว่าน่าจะไม่มีผลทันสำหรับวาระการโหวตนายกฯ แต่ในระยะยาว บอกว่าไม่เป็นปัญหาอะไรแต่ขอให้ชัดเจน เรื่อง ม.112 ว่าจะแก้หรือไม่แก้ หากไม่ก็ต้องประกาศให้ชัดเจนโดยเฉพาะ นายเศรษฐา ทวีสินแคนดิเดตนายกฯ เพื่อจะได้ชัดเจนสำหรับคนที่ต้องลงมติโหวตเลือกนายกฯ เอาทีละเรื่องดีกว่า

คุณอาจสนใจ

Related News