นายกฯ ลงพื้นที่น้ำท่วมเมืองคอน-สุราษฎร์ฯ มอบถุงยังชีพ-ให้กำลังใจชาวบ้าน ยันเร่งเยียวยา

สถานการณ์น้ำท่วมจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งเริ่มคลี่คลายน้ำลดลงในหลายพื้นที่ แต่ความเสียหายกระทบทั้ง 23 อำเภอแล้ว รักษาการผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช คาดการณ์หากฝนไม่ตกลงมาเพิ่มสถานการณ์จะคลี่คลายภายในวันที่20 ธันวาคม ขณะที่วันนี้ นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ให้กำลังใจผู้ประสบภัย และสั่งการเร่งรัดการเยียวยาน้ำท่วมที่ต้องถึงมือประชาชนอย่างรวดเร็ว



จุดที่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่มาเยี่ยมผู้ประสภัยและมอบถุงยังชีพถึงหน้าบ้าน คือที่ซอยพัฒนาการ 10 ถนนท่าโพธิ์ ต.ท่าวัง อำเภอเมือง ซึ่งมีชุมชนที่ถูกน้ำท่วมมา 2 วันแล้ว และยังไม่ลดลง นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายอนุทิน ชาญวีระกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และนางสาวซาบีดาห์ ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายปิฎก สุขสวัสดิ์ สามีของนายกรัฐมนตรี ทักทายประชาชนที่มารอต้อนรับ พร้อมขอถ่ายรูปส่งเสียงเรียกชื่อ นายกอุ๊งอิ๊ง อย่างต่อเนื่อง



จนลงเรือไปแจกถุงยังชีพ ตามบ้านเรือน มีประชาชนที่มารอถ่ายรูปเป็นระยะ พร้อมบอกว่าดีใจที่ได้เจอนายกรัฐมนตรีสะใภ้คนคอน เนื่องจากนายปฏิก เป็นคนนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นที่มาที่นายกรัฐมนตรีบอกก่อนหน้านี้ว่าไม่ทิ้งคนใต้ เพราะสามีเป็นคนใต้ และย้ำกับทุกคนว่าให้ลงทะเบียนรับเงินเยียวยาน้ำท่วม ที่จะได้เร็ว



ซึ่งระหว่างที่มอบถุงยังชีพ นายกรัฐมนตรี ได้หัดพูดภาษาใต้ ให้กำลังใจคนใต้สู้ๆ โดยนายอนุทิน ที่มีภรรยาเป็นคนระนอง ช่วยสอน สร้างความประทับใจให้ประชาชนที่มารับถุงยังชีพจากนายกรัฐมนตรี และถ่ายภาพเซลฟีร่วมกันอย่างเป็นกันเอง



นายกรัฐมนตรีได้กล่าวกับประชาชนที่มารอต้อนรับและมอบถุงยังชีพว่าดีใจที่ได้มาเยี่ยมให้กำลังใจทุกคน ขณะที่ตัวแทนชุมชนท่าโพธิ์ กล่าวดีใจที่นายกรัฐมนตรีไม่ทิ้งคนคอน



ก่อนหน้านั้นนายกรัฐมนตรีได้ประชุมติดตามสถานการณ์น้ำท่วมที่ศาลากลางจังหวัด มี นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานสถานการณ์ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี ชุมพร พัทลุง และนราธิวาส ซึ่งนายกรัฐมนตรี พอใจการรับมือน้ำท่วมของทุกจังหวัดที่ต้องให้การช่วยเหลือประชาชนอย่างทันท่วงที ตั้งแต่ช่วงน้ำท่วม จนหลังน้ำลดที่ต้องเยียวยาฟื้นฟู ซึ่งในจังหวัดนครศรีธรรมราชหากเป็นไปตามรายงาน ถ้าฝนไม่ตกเพิ่มสถานการณ์จะคลี่คลายภายในวันที่ 20 ธันวาคมนี้ ขณะที่นายอนุทิน กล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรี ที่อนุมัติเงินฉุกเฉินในการช่วยเหลือภัยพิบัติ และทำให้การเยียวยาน้ำท่วมทำได้รวดเร็วขึ้น



ก่อนเดินทางไปจังหวัดสุราษฎร์ธานี นายกรัฐมนตรี เปิดเผยกับข่าว 3 มิติว่า ได้สั่งการเรื่องการฟื้นฟูหลังน้ำลด และเร่งรัดเงินเยียวยา และดีใจที่ได้ลงพื้นที่มาเยี่ยมผู้ประสบภัย



สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมจังหวัดนครศรีธรรมราช รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการเตรียมประกาศภัยพิบ้ติทั้ง 23 อำเภอในวันนี้ เพื่อเร่งรัดเงินช่วยเหลือ ส่วนสถานการณ์น้ำลดลงรวดเร็ว เหลือเพียงพื้นที่ที่น้ำท่วมขัง ในเขตเมืองนครศรีธรรมราช อาสากู้ภัย จิตอาสา จากหลายจังหวัด ช่วยกันนำอาหาร น้ำดื่ม ไปให้ตามซอยชุมชนต่างๆ รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ทางกรมชลประทาน รายงานว่า ถ้าฝนไม่ตกงมาเพิ่ม ในวันพรุ่งนี้น้ำในคลองสำคัญจะลดต่ำกว่าตลิ่ง ส่งผลให้น้ำลดลง



ส่วนพี้นที่ที่น้ำลดลงอย่างที่อำเภอท่าศาลา พบความเสียหายอย่างหนักเกิดขึ้นที่วัดป่าเรียน ตำบลตลิ่งชั่น อาคารที่เป็นทั้งกุฎิตั้งอยู่ริมคลอง ถูกน้ำกัดเซาะจนอาคารถล่มพังลงมาทั้งหลังตั้งแต่เมื่อวานนี้



ซึ่งนี่เป็นสภาพความเสียหายที่เกิดขึ้น พระประไพ นิมโล เปิดเผยว่าอาคารนี้สร้างมากว่า 9 ปี แล้ว น้ำรอบนี้แรงจนรู้สึกว่าอาคารสั่น จึงออกมาตอนตี 4 พอเช้าก็ถล่มลงจึงปลอดภัย ซึ่งเป็นเรื่องเศร้าเสียใจของชาวบ้าน เพราะอาคารหลังนี้ เป็นเหมือนโบสถ์ที่มีพระพุทธรูปกว่า 40 องค์ ที่ชาวบ้านจะมาไหว้พระ เป็นศูนย์รวมจิตใจ เมื่ออาคารทรุด ยังไม่มีหน่วยงานไหนเข้ามาดูแล จึงอยากให้มาช่วยเหลือในการกู้ซากอาคาร เพื่อที่จะได้นำพระพุทธรูปที่จมน้ำว่าได้รับความเสียหายหรือไม่



ส่วนที่โรงพยาบาลท่าศาลา น้ำลดลงแล้วในส่วนอาคารด้านหน้า เหลือเพียงในส่วนงานก่อสร้างด้านหลังที่เป็นบ้านพักพนักงาน ที่มีน้ำท่วมเล็กน้อย

ผู้อำนวยการโรงพยาบาล เปิดเผยว่า น้ำท่วมไม่ถึง 1 วัน แต่ถือว่าน้ำท่วมหนักที่สุดของ เป็นผลมาจากฝนที่ตกมาทั้งวัน ทำให้เกินความคาดหมาย แต่ได้ขนอุปกรณ์การแพทย์ที่สำคัญจากห้องตรวจชั้น 1 ทำให้เสียหายเฉพาะเครื่องใช้สำนักงาน ส่วนยาในคลังยา ไม่เสียหาย จุดที่กระทบน่าจะเป็นศูนย์แพทย์แผนไทย ทางโรงพยาบาลกำลังเร่งทำความสะอาด คาดว่าแล้วเสร็จภายใน 3 วัน ระหว่างนี้ยังเปิดให้บริการสำหรับผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอก ยังเปิดให้บริการตามปกติ โดยหลังจากนี้จะต้องหารือถึงแนวทางในการป้องกันน้ำท่วมอย่างเป็นระบบ เพื่อป้องกันความเสียหาย จากผลกระทบที่มาจากฝนตกหนักเหมือนครั้งนี้

นอกจากนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ จะลงพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ยังเดินทางไปที่สุราษฎร์ธานี เพื่อให้กำลังใจผู้ประสบอุทกภัย



นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ อ.ท่าฉาง จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำท่วม และเยี่ยมให้กำลังใจผู้ประสบภัย รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี รายงานว่า มีพื้นที่ประสบภัยรวม 17 อำเภอ 94 ตำบล 672 หมู่บ้าน มีประชาชนได้รับความเดือดร้อน กว่า 20,000 ครัวเรือน 45,000 คน



ขณะนี้สถานการณ์เริ่มคงที่และหลายพื้นที่เริ่มคลี่คลาย คงเหลือพื้นที่ชายฝั่ง ที่มีน้ำท่วมขังระดับสูงรอระบายลงสู่ทะเล โดยอำเภอท่าฉาง มีพื้นที่ประสบภัย 46 หมู่บ้าน 1,300 ครัวเรือน กว่า 5,700 คน และไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต



นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การลงพื้นที่ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีครั้งนี้ เป็นการมาเยี่ยมให้กำลังใจ แก่พี่น้องประชาชนที่ประสบภัย โดยขอเป็นตัวแทนคนไทยทั้งประเทศมาส่งกำลังใจและความห่วงใย ให้กับพี่น้องคนใต้ พร้อมทั้งได้นำสิ่งของบรรเทาทุกข์มามอบให้ แต่สิ่งสำคัญ คือเงินช่วยเหลือภัยพิบัติฉุกเฉินครัวเรือนละ 9,000 บาทจะต้องถึงมือพี่น้องประชาชนทุกครัวเรือนโดยเร็วที่สุด

นอกจากนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ จะลงพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ยังเดินทางไปที่สุราษฎร์ธานี เพื่อให้กำลังใจผู้ประสบอุทกภัย





นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ อ.ท่าฉาง จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำท่วม และเยี่ยมให้กำลังใจผู้ประสบภัย รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี รายงานว่า มีพื้นที่ประสบภัยรวม 17 อำเภอ 94 ตำบล 672 หมู่บ้าน มีประชาชนได้รับความเดือดร้อน กว่า 20,000 ครัวเรือน 45,000 คน




ขณะนี้สถานการณ์เริ่มคงที่และหลายพื้นที่เริ่มคลี่คลาย คงเหลือพื้นที่ชายฝั่ง ที่มีน้ำท่วมขังระดับสูงรอระบายลงสู่ทะเล โดยอำเภอท่าฉาง มีพื้นที่ประสบภัย 46 หมู่บ้าน 1,300 ครัวเรือน กว่า 5,700 คน และไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต




นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การลงพื้นที่ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีครั้งนี้ เป็นการมาเยี่ยมให้กำลังใจ แก่พี่น้องประชาชนที่ประสบภัย โดยขอเป็นตัวแทนคนไทยทั้งประเทศมาส่งกำลังใจและความห่วงใย ให้กับพี่น้องคนใต้ พร้อมทั้งได้นำสิ่งของบรรเทาทุกข์มามอบให้ แต่สิ่งสำคัญ คือเงินช่วยเหลือภัยพิบัติฉุกเฉินครัวเรือนละ 9,000 บาทจะต้องถึงมือพี่น้องประชาชนทุกครัวเรือนโดยเร็วที่สุด