ตามคาด! สว.สายสีน้ำเงิน เทคะแนนโหวตขาดลอย กวาด 3 ตำแหน่ง ทั้งประธาน-รองประธาน สว.

การเลือกประธานวุฒิสภา และรองประธานวุฒิสภา ชุดใหม่ ผลออกมาเป็นไปตามความคาดหมาย นายมงคล สุระสัจจะ ได้รับเลือกเป็นประธานวุฒิสภา ด้วยคะแนนสูงถึง 159 คะแนน ขณะที่พลเอกเกรียงไกร ศรีรักษ์ และ นายบุญส่ง น้อยโสภณ ได้รับเลือกเป็นรองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 และ คนที่ 2 ด้วยคะแนนสูงสุดเช่นเดียวกัน ส่วนกลุ่ม สว.พันธุ์ใหม่ ที่เสนอชื่อเข้าชิงตำแหน่งแพ้อย่างขาดลอย ด้วยคะแนนไม่ถึง 20 คะแนน ขณะที่กลุ่ม สว.พันธุ์ใหม่ มองผลการเลือกตำแหน่งสำคัญสะท้อนภาพการทำงานของวุฒิสภา ที่เชื่อว่ากฎหมายสำคัญที่มาจากความเห็นของประชาชนจะผ่านได้ยาก



การประชุมวุฒิสภานัดแรกของสมาชิกวุฒิสภาชุดใหม่ มี พล.ต.ท.ยุทธนา ไทยภักดี ที่อาวุโสสูงสุด ทำหน้าที่ประธานชั่วคราาว สว.ทั้ง 200 คนมาประชุมอย่างครบถ้วน รวมถึง แพทย์หญิงเกศกมล เปลี่ยนสมัย ที่มาประชุมโดยแต่งชุดผ้าไทยสีเหลือง เหมือนกับ สว.ส่วนใหญ่ในห้องประชุม โดยนั่งข้าง พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ เนื่องจากเรียงลำดับชื่อตามตัวอักษร ก่อนจะเริ่มประชุมด้วยการให้ลงมติว่าจะให้ผู้เข้าชิงตำแหน่งประธานวุฒิสภาและรองประธานวุฒิสภา แสดงวิสัยทศัน์กี่นาที ซึ่งข้อเสนอของ สว.สายสีน้ำเงิน ที่ให้แสดงวิสัยทัศน์ 5 นาที ชนะด้วยคะแนน 143 เสียง ต่อ 54 เสียง ทิ้งห่างข้อเสนอของ สว.พันธุ์ใหม่ที่ให้แสดงวิสัยทัศน์ 7 นาที และไม่มีกำหนด



จากนั้นจึงเปิดให้มีการเสนอชื่อผู้เข้าชิงประธานวุฒิสภา 3 คน คือ นายแพทย์เปรมศักดิ์ เพียรยุระ นายมงคล สุระสัจจะ และ น.ส.นันทนา นันทวโรภาส และแสดงวิสัยทัศน์ โดยนายแพทย์เปรมศักดิ์ ขอทำหน้าที่ประธาน

วุฒิสภา เพื่อลบคำครหาสภาใบสั่ง สภารีโมท สภาหวยล็อก สภาบล็อคโหวต วุฒิสภาสมาชิกจะต้องเป็นอิสระ เป็นกลาง ไม่ถูกครอบงำ ไม่ว่าจะจากพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน และที่สำคัญต้องสุขภาพดี เพราะต้องทำหน้าที่ประธานการประชุม ไม่ปัสสาวะบ่อย และถ้าสังขารไม่ดี อย่าฝืน



ขณะที่นายมงคล สุรัจสัจจะ แสดงวิสัยทัศน์ ยืนยันจากประวัติการทำงานข้าราชการกระทรวงมหาดไทย ที่มาจากก้อนดิน ไม่มีเส้นสาย จนเกษียณอายุไปเป็นชาวไร่ในชนบท จึงเข้าใจปัญหาประชาชน และมีความตั้งใจที่จทำหน้าท่ตอบแทนคุณแผ่นดินจนกว่าชีวิตจะหาไม่



ขณะที่นางสาวนันทนา นันทวโรภาส เสนอการทำงาน 5 ส.สัมพันธ์ สื่อสาร สร้างสรรค์ สมดุล และสากล กู้ภาพลักษณ์ สว.ยุคใหม่ ที่ยึดโยงประชาชน และเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงแห่งยุคสมัย ให้เป็นวุฒิสภาแห่งความศรัทธาและความหวังของประชาชน ไม่ให้ 5 ปีของการดำรงตำแหน่งต้องสูญเปล่า



ซึ่งผลการลงคะแนนลับ เป็นไปตามความคาดหมาย นายมงคล สุรัจสัจจะ ได้รับเลือกด้วยคะแนนะเสียง 159 เสียง น.ส.นันทนา นันทวโรภาส 19 เสียง นายเปรมศักดิ์ เพียรยุระ เห็นชอบ 13 เสียง งดออกเสียง 4 เสียง และบัตรเสีย 5 เสียง



เช่นเดียวกับการเลือก รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 พลเอกเกรียงไกร ศรีรักษ์ ชนะด้วยคะแนน 150 เสียง ขณะที่นายนพดล อินนาได้ 27 เสียง นายแล ดิลก วิทยรัตน์ ได้ 15 เสียง ดร.ปฏิมา จีระแพทย์ ได้เพียง 5 เสียง บัตรเสีย 2 เสียง งดออกเสียง 1 เสียง ซึ่งมีการนับคะแนนใหม่เพราะมีคะแนนเกินมา 1 คะแนน โดยก่อนหน้านั้นมีการเปิดให้แสดงวิสัยทัศน์ สำหรับคู่ชิงที่น่าสนใจ พลเอกเกรียงไกร ให้คำมั่นว่าจะทำแต่สิ่งที่ดีงาม ยึดมั่นในสถาบันพระมหากษัตริย์ เคารพเสียงส่วนใหญ่ไม่เพิกเฉยเสียงส่วนน้อย พร้อมทำทุกอย่างเพื่อเรียกศรัทธนาของประชาชน ในขณะที่นายแล อยากเห็นทุกกลุ่มมีความเท่าเทียม ฟังเสียงของคนตัวเล็กที่ไร้เสียง เช่นแรงงาน ชาวนา ชาวประมง ผู้ด้อยโอกาส



ส่วนรองประธานวุฒิสภาคนที่ 2 มีผู้เข้าชิง 4 คน โดยนายบุญส่ง น้อยโสภณ ชนะด้วยคะแนนสูงถึง 167 เสียง นางอังคณา นีละไพจิตร ได้ 18 เสียง นายปฏิมา จีระแพทย์ ได้ 4 เสียง และทันตแพย์ พงษ์ศักดิ์ เกิดวงษ์บัณฑิต ได้ 8 เสียง โดยนายบุญส่ง ได้แสดงวิสัยทัศน์ เน้นการทำงานในคณะกรรมาธิการ ที่อยากให้มีคนดีเหมาะสมตำแหน่งมาทำงานเชื่อว่าความรู้ด้านกฏหมายจะสร้างศรัทธาให้ประชาชนได้ ขณะที่นางอังคณา ขอโอกาสผู้หญิงเข้ามาทำหน้าที่ในรัฐสภา และอยากให้วุฒิสภาทำงานอย่างมีอสระ เป็นกลาง เป็นธรรมและโปร่งใส



สำหรับผลการเลือกประธานและรองประธานวุฒิสภา ถือว่าเป็นไปตามคาดหมายทั้ง 3 คน จากสว.กลุ่มสีน้ำเงิน ที่วันนี้ต่างสวมเสื้อสีเหลือง และกลุ่มคะแนนที่ได้รับเลือกตั้งแต่ 150 - 167 คะแนน ถือว่าทิ้งห่างจากที่ 2 จากสว.พันธุ์ใหม่ ที่มีคะแนน 18-19 เสียงเท่านั้น ซึ่งนางอังคณา และ นางสาวนันทนา มองว่าไม่เหนือความคาดหมาย แต่สะท้อนความไม่เป็นอิสระของสว.ชุดใหม่ ที่ทำให้กฏหมายประชาชนถูกคว่ำได้ง่ายหากรัฐบาลไม่เห็นด้วย แต่ไม่ยอมแพ้ที่จะผลักดันวาระประชาชนต่อไป



สำหรับแพทย์หญิงเกศกมล ที่วันนี้ถูกจับตามากที่สุด ได้ทำหน้าที่เป็นกรรมการนับคะแนน ในการเลือกรองประธานวุฒิสภาคนที่ 2ด้วย แต่ยังไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆถึงการถูกร้องเรียนต่างๆ