นายกฯ แถลงงบฯ 68 วงเงิน 3.75 ล้านล้านบาท โปร่งใส หวังฟื้นเศรษฐกิจ

การประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยวิสามัญพิเศษ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 เป็นวันแรก และเป็นงบประมาณปีแรกของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ชี้แจงหลักการและเหตุผลในการจัดทำงบประมาณตามวิสัยทัศน์ Ignite Thailand โดยคาดหวังว่าเงินดิจิทัลวอลเล็ต จะสร้างพายุหมุนทางเศรษฐกิจ ขณะที่ผู้นำฝ่ายค้าน หัวหน้าพรรคก้าวไกล เห็นว่า งบประมาณของรัฐบาลกลายเป็นวิสัยทัศน์ที่ Ignore Thailand เจ๊งไม่ว่า แต่เสียหน้าไม่ได้



นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เสนอร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 ต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีวงเงินไม่เกิน 3,757,700 ล้านบาท เป็นการดำเนินงานต่อเนื่องจากงบประมาณปี 2567 เพื่อเพิ่มศักยภาพเศรษฐกิจภายใต้วิสัยทัศน์ Ignite Thailand ภายใต้ 8 แผนพัฒนาของชาติ และขับเคลื่อนนโยบายดิจิทัล วอลเล็ต 1 หมื่นบาท ที่จะถึงมือคนไทย 50 ล้านคนในช่วงปลายปี 2567 ซึ่งจะกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่าย และหมุนกลับมาเป็นเงินภาษีให้กับรัฐ



นายกรัฐมนตรีชี้แจงด้วยว่า งบประมาณปีนี้มีที่มาจากรายได้ที่จะจัดเก็บได้ กว่า 2 ล้าน 8 แสนล้านบาท และเป็นการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุล กว่า 8 แสนล้านบาท แม้ว่างบประมาณปีนี้จะมีการขาดดุลเพิ่มขึ้น แต่รัฐบาลได้จัดสรรรายจ่ายลงทุนไว้ กว่า 9 แสนล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 27.9 และเป็นอัตราที่สูงที่สุดในรอบ 17 ปีที่ผ่านมา



ขณะที่นายชัยธวัช ตุลาธน ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร อภิปรายว่างบประมาณปีนี้ กำหนดวงเงินงบประมาณรายจ่ายสูงมากเป็นประวัติการณ์ และเป็นการเพิ่มงบประมาณในสัดส่วนที่สูงที่สุดในรอบ 10 ปี แบบก้าวกระโดด และกู้เงินมาใช้เกือบชนเพดาน จึงต้องดูในรายละเอียดว่านำเงินไปใช้อะไร เพราะเป็นงบประมาณที่อยู่ในอำนาจเต็มของรัฐบาลชุดใหม่ แต่ยังเป็นการจัดสรรเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือดิจิทัลวอลเล็ตเท่านั้น และสะท้อนให้เห็นว่าปัญหาการไม่ชอบธรรมทางการเมืองของการจัดตั้งรัฐบาล ทำให้วิสัยทัศน์ IGNITE THAILAND กลายเป็น IGNORE THAILAND งบประมาณเจ๊งไม่ว่า แต่เสียหน้าไม่ได้



ส่วนพรรคร่วมฝ่ายค้านที่อภิปรายเข้มข้น เริ่มที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ เปรียบงบประมาณของรัฐบาลเป็นงบที่ขี้หกและขี้เหร่ เช่น ต้องกู้เงินมาให้เพียงพอในโครงการดิจิตัล วอลเล็ต นายกรัฐมนตรี ยังทำตัวเป็น นักกู้ผ้าขาวม้าพันคอ ที่ยังกู้หนักเหมือนเดิม

และการปรับคณะรัฐมนตรี เป็นการเปลี่ยนคนใช้งบประมาณ เพื่อการตอบแทน จนนำมาสู่คดีที่ศาลรัฐธรรมนูญ และภาพนายกรัฐมนตรีสองคน ยังคุกคามตามหลอนด้อยค่านายเศรษฐา



นายจุรินทร์ ยังกล่าวถึงพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ที่ต้องใช้เงินงบประมาณแผ่นดิน จะเป็นจุดเริ่มต้นสร้างความปรองดองหรือความแตกแยก จึงถามไปยังคณะรัฐมนตรีว่าในฐานะที่รัฐบาลคุมเสียงข้างมากในสภา มีนโยบายเสนอ และสนับสนุนกฎหมายนี้หรือไม่, รัฐบาลจะสนับสนุนการนิรโทษกรรมที่รวมคดีทุจริตความผิดตามมาตรา 157 ฐานละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และจะรวมคดีมาตรา 112 ด้วยหรือไม่