กกต. แจงปมยื่นยุบก้าวไกล ยันตามกม. 'พิธา' งัด 3 ข้อ โต้ นำ ทษช.มาอ้างไม่ได้

สืบเนื่องจากที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งให้กกต. ส่งพยานหลักฐาน คดียุบพรรคก้าวไกลเพิ่มภายในวันที่ 17 มิถุนายนนี้ วันนี้ทางกกต.ก็ออกมาแถลงชี้แจงเหตุผลการยื่นคำร้องยุบพรรคก้าวไกล โดยยืนยันว่า คำร้องทำถูกต้องตามกฎหมายและจำเป็นต้องทำเพราะไม่เช่นนั้นอาจถูกร้องว่า ละเลยปฎิบัติหน้าที่



นายปกรณ์ มหรรณพ กรรมการ กกต. พร้อมด้วย นายฐิติเชฏฐ์ นุชนาฏ กรรมการ กกต. และ นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. แถลงชี้แจง ประเด็นสำคัญ คือ การชี้แจงถึงข้อต่อสู้ของพรรคก้าวไกล ที่ ระบุว่า คำร้องยุบพรรคของ กกต.นั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะไม่ทำตามระเบียบ กกต. ที่กำหนดว่า ต้องมีการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน และต้องแจ้งให้ผู้ถูกร้องทราบข้อเท็จจริง และมีโอกาสได้โต้แย้ง



ก่อนนายปกรณ์ ระบุเหตุผลในการยื่นยุบพรรคก้าวไกล ว่า เนื่องจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 31 มกราคมที่ผ่านมา ว่าพรรคก้าวไกล ใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข ส่งผลให้กกต.ไม่อาจจะทำอย่างอื่นได้ เพราะถือเป็น หลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าพรรคการเมืองกระทำการล้มล้างการปกครอง และต้องยื่นให้ศาลสั่งยุบพรรค



ข้อต่อมา คือคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญผูกพันทุกองค์กร หาก กกต.ไม่ดำเนินการ อาจจะมีความผิดตามกฎหมายหมาย ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ได้ และการยื่นคำร้องของ กกต. ดำเนินการตามกฎหมายพรรคการเมืองมาตรา 92 จึงไม่มีเหตุที่จะต้องไต่สวน



โดย กกต.ก็เคยปฏิบัติเช่นนี้กับการยื่นยุบพรรคไทยรักษาชาติ มาแล้ว ซึ่งต่างจาก การดำเนินการตามมาตรา 93 ที่เป็นความปรากฏต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง ที่จะต้องแจ้งข้อกล่าวหา และเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา



ส่วนคำถามว่า กกต.เห็นด้วยที่มีการยุบพรรคการเมืองหรือไม่ นั้น นายปกรณ์ กล่าวว่า กกต. เป็นผู้ปฏิบัติ ต้องเคารพตามกฎหมายและปฏิบัติตามกฏหมาย จะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยไม่ได้ แต่ถ้ามีการแก้กฎหมาย และไม่มีบทบัญญัติเรื่องการยุบพรรค เมื่อนั้นแม้แต่จะคิด กกต.ก็ไม่กล้า



ขณะเดียวกันนายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกล บอกว่า เข้าใจว่า กกต. กำลังจะบอกว่า การยุบพรรคการเมืองนั้น มี 2 ช่องทาง คือ 1.พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 92 ซึ่งก็เป็นเรื่องของ กกต. ที่หากมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า ก็สามารถยื่นได้เลย โดยที่ไม่ต้องมีกระบวนการสอบสวน สามารถใช้ดุลยพินิจได้ตามอำเภอใจ ที่จะยื่นคำร้อง



และข้อ2 คือ มาตรา 93 ซึ่งเป็นเรื่องของนายทะเบียน ไม่ได้เกี่ยวกับ กกต. หากมีความปรากฏว่า พรรคการเมืองกระทำผิดถึงขั้นยุบพรรค ก็ให้ไปสอบสวนรวบรวมข้อเท็จจริงตามระเบียบที่ออกไว้



นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า นี่คือสิ่งที่ กกต. กำลังสื่อสาร ซึ่งมองว่าเป็นปัญหา เพราะกระบวนการที่จะยื่นยุบพรรคการเมืองเป็นเรื่องใหญ่ ต้องมีกระบวนการรวบรวมข้อเท็จจริงสืบสวนสอบสวนเป็นเบื้องต้นอยู่แล้ว และบอกว่า การอ่านกฎหมาย อย่าไปตีความแบบศรีธนญชัย กฎหมายเขียนลำดับไว้อย่างชัดเจน



ส่วนกรณีที่ กกต. ยึดตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญฉบับลงวันที่ 31 มกราคมที่ผ่านมา ทำให้ กกต.ไม่อาจจะทำอย่างอื่นได้นั้น นายชัยธวัช กล่าวว่า คนละเรื่อง นั่นคือเรื่องของพยานหลักฐาน การมีพยานหลักฐานที่ กกต.เชื่อแล้วว่าเพียงพอ ไม่ได้หมายความว่า กกต.ไม่จำเป็นต้องทำกระบวนการรวบรวมหลักฐานตามที่กฎหมายกำหนด อย่าสับสนระหว่าง กกต. เห็นว่า พยานหลักฐานมีน้ำหนักหรือไม่



เช่นเดียวกับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่ได้โพสต์เฟซบุ๊กชี้แจงรายละเอียด ในทำนองเดียวกันกับหัวหน้าพรรค และบอกว่า กกต.จะนำคดีไทยรักษาชาติในอดีตมาอ้างเพื่อยุบพรรคก้าวไกลไม่ได้ แต่ต้องทำตามระเบียบใหม่ของตัวเองอย่างเคร่งครัด มาตรา 92-93 จะแยกกันใช้แบบเอกเทศไม่ได้