เปิดทิศทาง 'กาสิโนถูกกม.' นายกฯแสดงจุดยืนหนุน ขณะภาคปชช.ยื่นหนังสือค้าน

วันนี้สภาผู้แทนผู้แทนราษฎรมีการพิจารณา รายงานผลการพิจารณาศึกษา เรื่อง ศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร หรือ Entertainment Complex หลังกรรมาธิการศึกษามานานกว่า 1 ปี ขณะที่นายกรัฐมนตรีเห็นด้วย กับแนวคิดกาสิโนถูกกฎหมาย



วันนี้สภาผู้แทนราษฎรได้พิจารณา"รายงานผลการพิจารณาศึกษา เรื่อง ศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายและเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ"ซึ่งรวมถึงบ่อนกาสิโนถูกกฎหมาย ที่คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ที่มีนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานกรรมาธิการฯ ศึกษามาตั้งแต่ปี 2564 รวมระยะเวลากว่า 1 ปี

นายจุลพันธ์ รายงานว่า คณะกรรมาธิการฯ ได้ศึกษาใน 4 ประเด็น คือ

-โครงสร้างหน่วยงานภาครัฐที่ควบคุมและกำกับดูแลสถานบันเทิงครบวงจร

-โครงสร้างธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร

-การจัดเก็บภาษีและรายได้จากสถานบันเทิงครบวงจร

-และ ผลกระทบของสถานบันเทิงครบวงจรและการป้องกันและเยียวยาผลกระทบ



นายจุลพันธ์ กล่าวว่า สำหรับผลกระทบเชิงบวก จะช่วยลดอัตราการว่างงานของคนในพื้นที่ ประชาชนมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น และผลเชิงบวกต่อเศรษฐกิจ จะทำให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตมากขึ้น เกิดการจ้างงาน กระตุ้นการไหลเวียนของเงินในระบบไม่ให้ไหลออกนอกประเทศ นักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้น การจัดเก็บภาษีซึ่งอัตราสูงกว่าปกติ รวมถึงรายได้จากการเก็บค่าธรรมเนียมใบอนุญาตจากธุรกิจปีละหลายแสนล้านบาท สามารถนำงบประมาณมาพัฒนา และขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศได้



แต่ก็มีผลกระทบเชิงลบ เช่น การติดพนันของบุคคล และเยาวชน จนเกิดปัญหาอาชญากรรมตามมา เกิดปัญหาครอบครัว ยาเสพติดภายในสถานบันเทิง-นักท่องเที่ยว และหนี้สิน รวมถึงอาชญากรรมข้ามชาติ ที่กระทบต่อความมั่นคงประเทศ



นอกจากนี้รายงานยังระบุด้วยว่าหากมีการสร้างสถานบันเทิงแบบครบวงจร ในประเทศไทย ควรมีขนาดใหญ่กว่าประเทศสิงคโปร์ และควรเป็นการลงทุนร่วมระหว่างภาครัฐและเอกชน และควรใช้แนวทางบริหารจัดการแบบเขตบริหารพิเศษเช่น มาเก๊า สิงคโปร์



ทั้งนี้ มี สส.ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ร่วมอภิปรายแสดงความเห็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่ไม่ได้คัดค้าน และมีข้อเสนอแนะในประเด็นต่าง ๆ เช่น เสนอว่าหากรัฐบาลจะเปิดกาสิโน ควรเปิดที่เมืองรอง และมีการคมนาคมสะดวก เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจในจังหวัด และยังแนะนำว่า รัฐบาลควรประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าใจว่า สถานบันเทิงครบวงจร หรือ Entertainment Complex นั้น ไม่ได้มีเพียงกาสิโนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงศูนย์การประชุม สวนน้ำ และ พื้นที่ส่งเสริมสินค้าวัฒนธรรมไทยและ OTOP



ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม สภาได้เห็นชอบกับรายงานพร้อมข้อสังเกต ของคณะกรรมาธิการวิสามัญ สภาผู้แทนราษฎร ส่งให้รัฐบาลพิจารณาต่อไป



ด้านนายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์กรณี การเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายและเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งนายกฯ ไม่อยากให้มองว่าเป็นเรื่องกฎหมายคาสิโน แต่ควรมองเรื่องสถานบันเทิงแบบครบวงจร รวมทั้งสังคมต้องมาช่วยกำกับดูแลให้เหมาะสม



นอกจากสถานบันเทิงแบบครบวงจร แล้ว กมธ.ยังให้มีการพนันถูกกฎหมายในรูปแบบออนไลน์ 8 รูปแบบด้วย เช่น กาสิโนออนไลน์ เกมพนันรูปแบบต่างๆ พนันกีฬาออนไลน์ เป็นต้น



ด้านเครือข่ายภาคประชาสังคม 16 จังหวัด เดินทางมาที่รัฐสภา เพื่อยื่นหนังสือต่อนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ วิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร สภาผู้แทนราษฎร เพื่อส่งข้อห่วงใยของประชาชนต่อการเสนอเปิดสถานบันเทิงครบวงจร โดยมีนายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ในฐานะรองประธานกรรมาธิการฯ เป็นผู้รับหนังสือ



ตัวแทนเครือข่ายฯ กล่าวว่า พวกตนเคยทำแบบสอบถามถามประชาชนเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งผลสำรวจพบว่าประชาชนไม่ต้องการให้พื้นที่ของพวกเขาเป็นที่ตั้งของสถานบันเทิงครบวงจร เนื่องจากไม่เชื่อมั่นในความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สิน หากมีแหล่งพนันมาอยู่ในพื้นที่ รวมถึงไม่เชื่อว่าประเทศจะได้ผลประโยชน์คุ้มค่า ฉะนั้น จึงเห็นว่าเรื่องนี้ควรต้องดำเนินการอย่างรอบคอบและรัดกุมเพื่อให้ได้ประโยชน์และไม่เกิดโทษตามมา



แม้สถานบันเทิงครบวงจรอาจสร้างผลกำไรและรายได้ให้แก่ผู้ที่ประกอบกิจการหรือรัฐบาล แต่คนที่ขาดทุนที่แท้จริงคือประชาชน