เลือกตั้งและการเมือง

'ภูมิธรรม' มองปม 'ฮุนเซน' บินเยี่ยม 'ทักษิณ' เรื่องส่วนตัว ปกติของคนเป็นเพื่อน

โดย panwilai_c

21 ก.พ. 2567

37 views

บ้านจันทร์ส่องหล้า มีความเคลื่อนไหวต่อเนื่อง โดย สมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุน เซน ประธานคณะองคมนตรีกัมพูชา ได้เดินทางมาพบกับ นายทักษิณ ชินวัตร ที่อยู่ระหว่างพักรักษาตัวหลังออกจากเรือนจำ ซึ่งด้านพรรคประชาธิปัตย์ก็ตั้งคำถามถึงกรณีนักโทษเทวดา และเสนอให้มีการแก้ไขพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ ขณะที่นายภูมิธรรม รองนายกรัฐมนตรี ย้ำว่าเป็นการมาเยี่ยมเยียนกันตามปกติของเพื่อนที่มีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน



วันนี้ (21 ก.พ. 67) ตั้งแต่ 09.50 น. ก็มีความเคลื่อนไหวบนเฟซบุ๊ก ของ สมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุน เซน ประธานคณะองคมนตรีกัมพูชา โดยได้โพสต์ภาพ ขณะที่สมเด็จ ฮุน เซน อยู่บนเครื่องบิน พร้อมระบุข้อความ "กําลังเดินทางไปกรุงเทพ เพื่อเยี่ยมนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย"



จนกระทั่งช่วง 11 โมง ขบวนรถของสมเด็จฮุนเซนก็มาถึง ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ก่อนจะเข้าไปภายในบ้าน โดยไม่ได้ให้ข้อมูลใดๆ กับสื่อมวลชน



จากนั้น เวลา 13.21น. ก็ปรากฏภาพ ตอนที่ สมเด็จ ฮุน เซน พบกับ นายทักษิณ และระบุข้อความเป็นภาษา กัมพูชา แปลเป็นไทย ได้ว่า



"วันนี้ผมมาเยี่ยมคุณทักษิณที่บ้าน โดยมีคุณอุ๊งอิ๊ง ลูกสาวคนสุดท้องและหัวหน้าพรรคเพื่อไทยมาร่วมด้วย เพื่อกระชับมิตรภาพของผมให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น และเชิญคุณอุ๊งอิ๊งไปเยือนกัมพูชา ในวันที่ 14 - 15 มีนาคม"



"อดีตนายกรัฐมนตรี 2 คน เจอกัน แต่ไม่ได้พูดคุยกันถึงเรื่องการเมืองเลย เราพูดกันแต่เรื่องราวในอดีตและมิตรภาพตลอดระยะเวลา 32 ปีที่ผ่านมา ขอบคุณพี่ชายและหลานสาว"



ส่วนนางสาวแพรทองธาร ชินวัตร ก็ได้ตอบกลับ สมเด็จฮุน เซน ว่า เดินทางกลับบ้าน โดยสวัสดิภาพค่ะคุณลุง ขอบคุณ สำหรับความรักและกำลังใจ



ซึ่งภาพดังกล่าวเป็นภาพที่มี นายทักษิณ สมเด็จ ฮุน เซน และนางสาว แพทองธาร กับ ลูกเขย ของสมเด็จ ฮุน เซน ร่วมด้วย



จากนั้นในเวลา บ่ายโมงตรง สมเด็จฮุนเซนเดินทางออกจากบ้านจันทร์ส่องหล้า หลังใช้เวลาเข้าเยี่ยมนาย ทักษิณ เป็นการส่วนตัวประมาณ 2 ชั่วโมง โดยเดินทางต่อไปยังท่าอากาศยานดอนเมืองเพื่อเดินทางกลับกัมพูชา โดยมีรถติดตามของตระกูลชินวัตรขับนำหน้าและปิดท้าย



ส่วนในเวลาไล่เลี่ยกันก็ปรากฏรถยนต์ประจำตัวของพลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ขับเข้ามาภายในซอยละแวกบ้านจันทร์ส่องหล้า แต่เจ้าตัวไม่ได้ลงจากรถ



ส่วนบรรยากาศโดยรอบวันนี้ นอกจากกลุ่มคนเสื้อแดงที่มาจัดกิจกรรมที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ก็มีนางสาวสิตานัน สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ นักสิทธิมนุษยชน พี่สาวของ นาย วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ นักกิจกรรมทางการเมืองที่ลี้ภัยไปยังประเทศกัมพูชา และถูกอุ้มหายสาบสูญในกรุงพนมเปญ ตั้งแต่วันที่ 4 มิถุนายน 2563 มาเรียกร้องทวงคืนความเป็นธรรมให้แก่น้องชายและกลุ่มมวลชนที่เป็นนักกิจกรรมทางการเมือง หลังทราบข่าวว่า สมเด็จฮุน เซน จะเดินทางมาเยี่ยมทักษิณ เป็นการส่วนตัว แต่ถูกตำรวจสกัดไม่ให้เข้ามาในพื้นที่ และได้เชิญให้ออกไป



นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงกรณี สมเด็จฯ ฮุน เซน เดินทางมาเยี่ยมนายทักษิณ ว่า เป็นเรื่องธรรมดา เหมือนที่ก่อนหน้านี้นายจอร์จ เอช ดับเบิลยู บุช อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ก็เคยมาเยี่ยมเยียนนายทักษิณ ซึ่งเป็นความสัมพันธ์ส่วนตัวที่รู้สึกดีต่อกัน



อย่างกรณีนี้ก็เป็นกรณีที่สมเด็จฮุน เซน กับนายทักษิณ ก็เหมือนเป็นเพื่อนกันในทางนานาชาติ และเคยทำงานร่วมกันเป็นอย่างดี จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่เพราะรู้ว่าป่วยจึงมาเยี่ยม



นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงการพักโทษของนายทักษิณ ชินวัตร ว่า กรณี "นักโทษเทวดา" จะกลายเป็นจุดซ้ำเติมความเสื่อมของรัฐบาล โดยต้องยอมรับว่า หลายเดือนที่รัฐบาลเข้ามาบริหารนอกจากจะไม่มีผลงานเป็นรูปธรรมแล้ว ยังเกิดกรณีนักโทษเทวดาขึ้นมา



ซึ่งนายจุรินทร์ ระบุว่า เป็นการรู้เห็นเป็นใจ ตั้งแต่นายกรัฐมนตรี จนถึงเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุด คือ กรณีนายทักษิณจะเป็นการส่งสัญญาณให้คนไทยเกิดความเข้าใจว่า โกงแล้วได้ดี เพราะฉะนั้น ในอนาคตหากใครคิดจะโกงได้ไม่เป็นไร สุดท้ายแล้วหากมีปัญหา ถูกลงโทษแลัว ก็อาจกลายเป็น "นักโทษเทวดา" ได้



ส่วนที่หลายฝ่ายออกมาวิจารณ์ว่าจะมีนายก 2 คน หลังนายทักษิณได้รับการพักโทษ นายจุรินทร์ บอก มีนายกฯ 2 คนมาตั้งแต่ตั้งรัฐบาลแล้ว แต่ที่สำคัญ คือ ต้องระวังอย่าให้มี 3 คน จนเกินหน้ากัมพูชาก็แล้วกัน



ล่าสุดพรรคประชาธิปัตย์ได้เสนอให้แก้ไข พระราชบัญญัติราชทัณฑ์ปี 2560 ให้การลดโทษ การพักโทษจะต้องผ่านคณะกรรมการอิสระและศาล ไม่ใช่แค่เป็นอำนาจของคณะกรรมการราชทัณฑ์ ภายในกรมราชทัณฑ์ และกระทรวงยุติธรรม เหมือนที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เพื่อให้กระบวนการยุติธรรมมีความเข้มแข็งขึ้นและให้การบังคับตามคำพิพากษามีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้น ตามเจตนารมย์ของกระบวนการยุติธรรม โดยเสนอให้มีองค์กรอิสระมาพิจารณาขั้นต้นเรื่องการลดโทษ-พักโทษ และให้ศาลตัดสิน

คุณอาจสนใจ

Related News