นายกฯ ขอให้ฟังรัฐบาล ไม่อยากให้ ‘ฝ่ายค้าน’ กล่าวหาไม่ตรงปก

สำหรับการอภิปรายตลอดทั้งวัน นายกรัฐมนตรี ขอให้รับฟังรัฐบาล ไม่อยากให้ฝ่ายค้านกล่าวหาไปก่อนว่าเป็นงบไม่ตรงปก ขณะที่ผู้นำฝ่ายค้านในสภาพผู้แทนราษฏร มองว่างบประมาณปี 67 สะท้อนถึงการเป็นรัฐบาลรวมการเฉพาะกิจ ที่แบ่งปันอำนาจกันเท่านั้น

สำหรับร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจง ตั้งงบประมาณรายจ่ายไว้กว่า 3 ล้าน 4 แสน 8 หมื่นล้านบาท ถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลตามที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา และจัดสรรตาม 6 ยุทธศาสตร์สำคัญ ส่งเสริมการท่องเที่ยวและวัฒนธรรม จะนำไปสู่การพัฒนา Soft Power อัพเกรดระบบ 30 บาทรักษาทุกโรค พัฒนากองทัพให้ทันสมัย และการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตามที่กำหนดยุทธศาสตร์

โดยก่อนหน้านั้นนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอให้ฝ่ายค้านรับฟังการชี้แจงก่อนจะบอกว่า งบไม่ตรงปก โดยก่อนหน้านั้น นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม ระบุว่า งบประมาณปี 67 เป็นงบ Copy-paste และงบฝากเลี้ยงมาจากรัฐบาลก่อน และเป็นงบไม่ตรงปกเพราะเป็นรัฐบาลที่ไม่ตรงปก

ขณะที่นายชัยธวัช ตุลาธน อภิปรายเป็นคนแรกในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน โดยระบุว่า กล่าวว่า ได้ฟังคำแถลงของ นายเศรษฐา เป็นการเรียบเรียงภารกิจของหน่วยงานต่างๆมาอ่านให้ดูสวยหรู แต่พบว่าสะเปะสะปะ ไม่ชัดเจน และไม่ตรงกับที่หาเสียงไว้ และไม่มีวาระเป้าหมาย ทำให้สะท้อนความจริงว่ารัฐบาลชุดนี้เป็นเพียงรัฐบาลรวมการเฉพาะกิจ มาเพื่อแบ่งปันอำนาจ แบ่งกันกิน แบ่งกันใช้ชั่วคราว และไม่ได้สร้างความเชื่อมั่นต่อการแก้ไขวิกฤตการเมืองได้เลย

ขณะที่น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่างบประมาณของรัฐบาล ไม่ได้แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจวิกฤติจริงหรือไม่ และไม่พบงบประมาณในการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 5 แสนล้านบาท และเพิ่มกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน 1 แสนล้านบาทในงบประมาณฉบับนี้ แสดงว่ารัฐบาลจะมีการกู้เงินอีกหรือไม่ และมีมรดกตกทอดจากรัฐบาลประยุทธ์ที่ทำให้รัฐบาลนี้เหลืองบให้จัดสรรได้เพียงไม่ถึง 1 ใน 4 จึงไม่เห็นว่ารัฐบาลจะพิสูจน์ความเป็นมืออาชีพได้อย่างไร

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงเพิ่มเติมว่า มีการเปลี่ยนแปลงแหล่งที่มาของเงินจริง เพราะรัฐบาลต้องการสร้างความโปร่งใสตรวจสอบได้ กลไกที่เหมาะสมจึงเป็นการสร้างแหล่งเงินใหม่จากภายนอกเข้ามาเติม เพื่อกระตุ้นและพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยขึ้นมาได้