เลือกตั้งและการเมือง
นายกฯ ลงพื้นที่แม่สาย เร่งผลักดันการค้าชายแดน-แก้ยาเสพติด
โดย panwilai_c
15 ก.ย. 2566
63 views
นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ด่านพรมแดนแม่สาย จังหวัดเชียงราย เร่งผลักดันการค้าชายแดนให้กลับมาสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ รวมถึงการแก้ปัญหายาเสพติด และปัญหาบุคคลไร้สัญชาติ รวมถึงสิทธิที่ดินทำกิน ก่อนที่วันพรุ่งนี้ (16 ก.ย. 66) จะลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โน้มตัวยกมื้อไหว้ สวัสดีชาวเมียนมา ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามสะพานข้ามแดนไทย-เมียนมา ที่ด่านพรมแดนแม่สาย อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เพื่อทักทายระหว่างการเดินทางลงพื้นที่ด่านพรมแดนแม่สาย ติดตามสถานการณ์การค้าชายแดน ซึ่งด่านพรมแดนแม่สาย กลับมาเปิดครบ 1 ปี หลังปิดไปกว่า 3 ปี จากสถานการณ์โควิด ทำให้การค้าซบเซา และยังเกิดอุทกภัยน้ำท่วมอย่างหนักหลายครั้งรุนแรงในรอบ 70 ปี ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจ นายชัยยนต์ ศรีสมุทร นายกเทศมนตรีตำบลแม่สาย ได้รายงานสถานการณ์ และนายกรัฐมนตรี ได้สนับสนุนในการจัดการปัญหา และประสานร่วมกับทางเมียนมาตามขั้นตอน
นายกรัฐมนตรี ประชุมร่วมกับภาครัฐและเอกชน จังหวัดเชียงราย ซึ่งการลงพื้นที่ครั้งนี้ มีรัฐมนตรีร่วมคณะทั้งนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กระทรวงมหาดไทย พลตำรวจเอกพัชราท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และนายจุลพันธุ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
ซึ่งนายกรัฐมนตรี เน้นย้ำประเด็นสำคัญทั้งการส่งเสริมการค้าชายแดน ที่เสนอให้ตั้งคณะกรรมการระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ที่จะเพิ่ม Quick win ได้ เพื่อกระตุ้นการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งผู้แทนหอการค้าเชียงรายเสนอเปิดศูนย์ One stop service ส่วนที่เสนอให้เปิดศูนย์ visa on arrival สำหรับชาวเมียนมา ที่ด่านแม่สาย แต่นายกรัฐมนตรีขอให้ไปพิจารณาให้รอบคอบ เนื่องจากพื้นที่ชายแดนยังมีปัญหาทับซ้อนเรื่องความมั่นคง และปัญหายาเสพติดที่เป็นเรื่องสำคัญ และรัฐบาลต้องเร่งจัดการ โดยในวันอาทิตย์นี้นายกรัฐมนตรี จะประชุมร่วมกับ ปปส.
การประชุมวันนี้นายกรัฐมนตรี ยังเปิดรับฟังปัญหาของกลุ่มชาติพันธุ์ โดยนางเตือนใจ ดีเทศน์ อดีตสมาชิกวุฒิสภา และผู้ก่อตั้งมูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา ได้นำเสนอเกี่ยวกับประเด็นคนไร้สัญชาติ ซึ่งนอกจากกลุ่มชาติพันธุ์ดั้งเดิมที่อยู่ในไทยมา 30-60 ปี มีลูกหลานเป็นบุคคลสัญชาติไทย แต่มีผู้เฒ่าไร้สัญชาติ อีกกว่า 1 แสนคน จากข้อมูลกระทรวงมหาดไทยมีบุคคลไร้สัญชาติ จำนวนกว่า 9 แสน 8 หมื่นคน แต่ให้สัญชาติได้เพียง 7,016 คน ในปี 2566 ที่ผ่านมาจากจำนวนกว่า 4 แสน 8 แสนคน หรือคิดเป็นเพียง 1.45 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
และผลกระทบจากการสู้รบในช่วงกว่า 2 ปีที่ผ่านมา ยังส่งผลกระทบกับเด็ก ที่พบว่ามีเด็กเข้ามากว่า 4 แสนคน แต่ลงทะเบียนไปกว่า 1.5 แสนคนเท่านั้น ที่เหลือตกเป็นบุคคลไม่มีสถานะทางทะเบียน ที่ล่าสุดได้เกิดปัญหาเด็ก 126 คนที่โรงเรียนไทยรัฐวิทยา 6 จังหวัดอ่างทอง เป็นเด็กโค้ดจี ที่ไม่มีเอกสารทางทะเบียนราษฎร์เข้ามาเรียนหนังสือ แต่กลับถูกผลักดันกลับในข้อหาเข้าเมืองผิดกฏหมายและดำเนินคดีกับครู 5 คนฐานนำพาคนต่างด้าว ซึ่งครูและนักเรียนได้มายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมจากนายกรัฐมนตรี ขอโอกาสทางการศึกษา แม้เด็กเหล่านี้มาจากเมียนมา และกว่า 3 เดือนที่ถูกดำเนินคดีทำให้เด้กอย่างน้อย 54 คน ต้องหลุดออกนอกระบบการศึกษา
นายเตือนใจ ขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่จะให้ความสำคัญเรื่องคนไร้สัญชาติ และเปิดโอกาสให้เด็กได้มีสิทธิทางการศึกษา ซึ่งนายกรัฐมนตรีมอบหมายให้นายอุนทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ดูแลเรื่องนี้ด้วย
ขณะที่พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่าจะมีการตั้งคณะกรรมการทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงยุติธรรม ที่จะเร่งรัดกระบวนการพิสูจน์สัญชาติ ที่ดำเนินการได้เร็วขึ้น เชื่อว่าจะจัดการปัยหาคนไร้สัญชาติได้