'เศรษฐา' แนะ วปอ.ใช้ความรู้พัฒนาสังคม ลดความเหลื่อมล้ำ

ความเคลื่อนไหวนายกรัฐมนตรีวันนี้ ตั้งแต่เช้าจรดเย็นมีภารกิจตลอดทั้งวัน ตั้งแต่เข้าเฝ้าสมเด็จพระสังฆราช ร่วมประชุมทบทวนวงเงินงบประมาณปี 2567 ตอบคำถาม อธิบายมติ ครม.เมื่อวานนี้ที่สร้างความเห็นต่างเรื่องเงินเดือนข้าราชการ รวมไปถึงเรียกร้องศิษย์เก่าวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรหรือ วปอ.ให้ช่วยเหลือสังคม เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ



เริ่มจากช่วงเย็นที่ผ่านมานายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานรับฟังการแถลงผลการศึกษาเพื่อสนับสนุนยุทธศาสตร์ชาติ ของนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร(วปอ.) รุ่นที่ 65 วิทยาลัยเสนาธิการทหารรุ่นที่ 64 วิทยาลัยการทหารบก รุ่นที่ 68 วิทยาลัยการทัพเรือ รุ่นที่ 55 วิทยาลัยการทัพอากาศรุ่นที่ 57 และหลักสูตรการบริหารความมั่นคงสำหรับผู้บริหารระดับสูง รุ่นที่ 4 ภายใต้หัวข้อ สังคมแห่งภูมิปัญญาที่ยั่งยืน



นายกฯ ระบุว่า เป็นเกียรติของที่ วปอ.เชิญมาพูดคุยในกลุ่มคนมีความรู้ความสามารถ หลายคนประสบความสำเร็จอย่างสูง เป็นไปได้ว่า บางท่านในที่นี้อาจมายืนในจุดที่ตนยืนอยู่นี้ในอนาคต หวังว่าทุกท่านจะได้ประโยชน์จากหลักสูตร และนำความรู้ไปทำประโยชต์ต่อไป



ช่วงหนึ่งนายกฯระบุว่า สถาบัน วปอ.พาทุกท่านมารู้จักซึ่งกันและกัน สร้างสังคมและสานสัมพันธ์อันดีของทุกท่าน ความแข็งแกร่งของศิษย์เก่าเป็นที่ประจักษ์ เส้นสายสำคัญทำให้พวกท่านเป็นบุคคลพิเศษ หรือเรียกว่าอภิสิทธิชนก็ได้ เป็นท็อป 1% หรือน้อยกว่าของประเทศนี้ เป็นสถาบันที่คนส่วนมากอยากได้รับเลือกเข้ามาคอนเน็กชันที่ได้รับจากสถาบัน จะสามารถทำให้เกิดประโยชน์ต่อทุกท่านได้อย่างมหาศาล



ส่วนช่วงบ่ายนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานการประชุมการประชุมพิจารณาทบทวนวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 รวมทั้งให้นโยบายการทำงานของกระทรวง และต่อมาได้ทวีตข้อความ



"นโยบายและจุดมุ่งหมายของกระทรวงการคลัง คือ การสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล โดย 2 เรื่องที่สำคัญ คือ



1.วินัยทางการเงินการคลัง เรื่องสำคัญที่ต้องตอบสังคมให้ได้ว่า ใช้ทำอะไร ใช้อย่างไร ในระยะสั้น และระยะยาว ส่งผลกับจีดีพี หนี้สาธารณะอย่างไรที่จะเหมาะสม



2.ความเป็นธรรมและวิธีการทำงาน รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างมากกับการบริหารจัดการราชการ ต้องไม่มีระบบเส้นสาย ระบบการโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรม รวมถึงการปูนบำเหน็จอย่างเหมาะสม และต้องใช้หลักการเดียวกันทุกกระทรวง



นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล คือ เพิ่มรายได้ให้เกษตรกร การพักหนี้เกษตรกรเป็นเพียงมาตรการแรก รัฐบาลต้องพิจารณามาตรการพักหนี้อื่นๆ ในระยะเวลาอันใกล้ เพื่อบรรเทาหนี้สิน และนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท ทั้ง 2 เรื่องเร่งด่วนต้องทำโดยที่ไม่เสียวินัยการเงินการคลัง



ในส่วนของการแบ่งจ่ายเงินเดือนข้าราชการ 2 งวด ข้าราชการสามารถเลือกได้ รัฐบาลได้หารือกรมบัญชีกลางถึงความสามารถในการจ่าย 2 งวดเรียบร้อยแล้วว่าไม่ติดขัด ต้องดูระยะเวลาว่าจะสามารถเริ่มได้ต้นปีหน้าหรือไม่ต่อไป



ส่วนช่วงเช้าวันนี้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วย นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเข้าเฝ้าถวายเครื่องสักการะแด่สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ที่วัดราชบพิตรสถิตมหาสีมาราม



จากนั้นได้วางพวงมาลัย ถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ข้างอุโบสถ ซึ่งได้ใช้เวลาอธิฐานเกือบ 1 นาที ก่อนเดินเข้าสู่พระตำหนักอรุณ ซึ่งถือเป็นธรรมเนียนประเพณีปฏิบัติของนายกรัฐมนตรีทุกคน หลังได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี