เลือกตั้งและการเมือง

นายกฯ แถลงนโยบายรัฐบาล มุ่งเน้นกระตุ้นเศรษฐกิจ ชูนโยบายเงินดิจิทัล ลดค่าไฟ-ค่าน้ำมัน

11 ก.ย. 2566

88 views

การแถลงนโยบายรัฐบาลเริ่มแล้วในวันนี้ โดยนายกรัฐมนตรี ประกาศนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ชูการจ่ายเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท ลดค่าไฟและค่าน้ำมัน รวมถึงการเกณฑ์ทหารโดยสมัครใจ ขณะที่ฝ่ายค้านทั้งพรรคก้าวไกล สส. อภิปรายกันอย่างเข้มข้น ถือเป็นการคืนฟอร์มในการทำหน้าที่ฝ่ายค้านของพรรคประชาธิปัตย์ด้วย



นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา โดยสาระสำคัญมุ่งเน้นนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจจากผลกระทบสถานการณ์โควิด โรคอุบัติใหม่และภัยพิบัติโลก โดยมีกรอบระยะสั้น กรอบระยะกลางและระยะยาว เริ่มจากนโยบายการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet จะทำหน้าที่เป็นตัวจุดชนวน ที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ และจะเป็นการวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัลให้กับประเทศ และรัฐบาลจะผลักดันการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว



และนโยบายเร่งด่วนสุดท้าย คือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 เพื่อให้คนไทยได้มีรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น โดยยึดรูปแบบการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและไม่แก้ไข ในหมวดพระมหากษัตริย์ โดยรัฐบาลจะหารือแนวทางในการทำประชามติที่ให้ประชาชนมีส่วนร่วม และวางเป้าหมายรื้อโครงสร้างความมั่นคงให้สอดคล้องกับบริบทโลก เปลี่ยนระบบเกณฑ์ทหารเป็นแบบสมัครใจ ลดกำลังนายทหารสัญญาบัตรระดับสูง ปรับอัตรากำลัง กอ.รมน.และการประาบปรามยาเสพติด ผู้เสพคือผู้ป่วย และใช้การยึดทรัพย์เพื่อตัดตอนผู้ค้าและผู้เสพ



ขณะที่ฝ่ายค้านนำโดย นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล อภิปรายผิดหวังคำแถลงนโยบายรัฐบาล ที่เป็นแค่คำอธิบายลอยๆ ไม่มีการวางเป้าหมายทางเศรษฐกิจที่ชัดเจน อยู่ในเกรดเดียวกับคำแถลงนโยบายของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ต่างกับยุครัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ยังมีเป้าหมายมากกว่า และไม่มีนโยบายที่หาเสียงไว้ เช่นพักหนี้เกษตรกร ขึ้นค่าแรง 600 บาทต่อวัน และเงินเดือนปริญญาตรี 25,00 บาท รวมถึงค่าโดยสารรถไฟ 20 บาทตลอดสาย และได้ตั้งคำถามถึงโครงการดิจิตอล วอลเล็ตมีที่มาทางการเงินอย่างไร เพื่อให้เหมะสมกับงบประมาณแผ่นดินที่อาจมีไม่เพียงพอแล้ว



ขณะที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายนโยบายรัฐบาลได้อย่างเข้มข้น ถือเป็นการคืนฟอร์มการทำหน้าที่ฝ่ายค้านของพรรคประชาธิปัตย์ ที่เห็นว่ามาตรฐานนโยบายรัฐบาล สวนทางกับความสูงของนายกรัฐมนตรี เห็นได้จากคำแถลงนโยบายไม่มีที่หาเสียงไว้ จนกลายเป็นการหาเสียงเพื่อการละคร และเป็นหนังคนละม้วน กลายเป็นนโยบายนินจา ไม่ปรากฏเช่นการขึ้นเงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาทและขึ้นค่าแรง 600 บาท รวมถึงนโยบายย้อนยุคไป 20 ปี เช่น ผู้ว่า ซีอีโอ แต่ก็เห็นด้วยที่นโยบายข้าวไม่ใช้การจำนำข้าวที่สร้างความเสียหายทุกวันนี้ จนถูกประท้วงจาก สส.พรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะการอภิปรายถึงการสร้างความยุติธรรม ที่ต้องเหยียบย้ำหัวใจคนรักความยุติธรรม ที่ไม่ทำให้รู้สึกว่า คุกมีไว้ขังคนจนกับคนไม่มีอำนาจ



ส่วนสมาชิกวุฒิสภา มีการอภิปราย หลายคน เช่น นายวันชัย สอนศริ หวังว่าการทำงานของรัฐบาล จะลบความขัดแย้งของทุกฝ่าย โดยเปรียบนายเศรษฐา เป็นนายกรัฐมนตรีแล้วความศิวิไลซ์จะบังเกิด ตามหลักโหราศาสตร์ สิ่งที่ไม่ได้เห็นจะได้เห็น ที่ไม่เคยเป็นจะได้เป็น สิ่งที่ไม่เคยมีจะมี รัฐบาลชุดนี้คือความหวังของประเทศที่ประชาชนอยู่

คุณอาจสนใจ

Related News