'เศรษฐา' หารือบีโอไอ ผลักดันการลงทุนจากต่างประเทศ

นายกรัฐมนตรี พร้อมชี้แจงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา และเตรียมลุยงานเต็มที่ โดยวันนี้ได้หารือกับบีโอไอ เร่งผลักดันส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ ก่อนลงพื้นที่ติดตามปัญหาภัยแล้งและการคมนาคมในภาคอีสาน ระหว่างวันที่ 8-9 กันยายนนี้ โดยนายกรัฐมนตรีได้ลงพื้นที่ล่วงหน้าไปจังหวัดขอนแก่นตั้งแต่ช่วงเย็นที่ผ่านมา



นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วย นายปานปรีย์ พหิทธานุกร ​​รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายจักรพงษ์ แสงมณี ​​รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หารือกับนายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ เกี่ยวกับการเดินหน้าการส่งเสริมการลงทุนในประเทศไทย การลงทุนจากต่างประเทศและการขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศในไทย ต้องใช้ระยะเวลานาน หากไม่เริ่มดำเนินการในวันนี้ จะเห็นผลต่อระบบเศรษฐกิจไทยในอีก 2-3 ปี พร้อมทั้งต้องเร่งเตรียมการเดินทางไปโรดโชว์ที่สหรัฐอเมริกา วันที่ 18-24 กันยายน 2566 กับบีโอไอ ซึ่งต้องพบปะกับนักธุรกิจจากหลากหลายประเทศ ซึ่งในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา มีกลุ่มสินค้าอิเลคทรอนิคส์ ปิโตรเคมี ยานยนต์และชิ้นส่วน ยังเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมหลักที่มีการขอรับการลงทุน มูลค่ากว่า 1.8 ล้านบาท และมีโครงการรอการพิจารณาเกือบ 3 หมื่นล้านบาท



นายกรัฐมนตรี ยืนยันด้วยว่า พร้อมแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา โดยเฉพาะนโยบายดิจิตัล วอลเลต 1 หมื่นบาท อยู่ระหว่างการหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย โดยจะเป็นการใช้ Blockchain อย่างแน่นอน และประชาชนจะได้ใช้นโยบายนี้ภายในไตรมาสแรกของปี 2567 และยินดีที่พรรคก้าวไกล จะมีการอภิปรายนโยบายอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้เตรียมชี้แจงแล้ว



นายกรัฐมนตรี เปิดเผยด้วยว่า จะมีการนำการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่กลับมาใหม่ เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และในการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดแรก จะมีการหารือถึงแนวทางการลดราคาพลังงานด้วย



ขณะที่นายรอเบิร์ต เอฟ. โกเด็ก (Mr. Robert F. Godec) เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย เข้าพบเพื่อแสดงความยินดีกับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และเน้นย้ำความมุ่งมั่นในการสร้างความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างไทยและสหรัฐอเมริกาที่ครบรอบ 190 ปี และทั้งสองฝ่ายพร้อมสนับสนุนการทำงานร่วมกันในทุกมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การค้า การลงทุน และความท้าทายระดับโลก เช่น วิกฤตสภาพภูมิอากาศและหวังว่านายกรัฐมนตรีจะได้พบกับ ประธานาธิบดีไบเดน ในระหว่างการประชุมสมัชชาสหประชาชาติที่กำลังจะมาถึงนี้



นายกรัฐมนตรียังให้การต้อนรับคณะนักธุรกิจและสมาคมสตรีจากภาคส่วนต่างๆ เข้ามาร่วมแสดงความยินดี พร้อมสนอให้นายกรัฐมนตรีส่งเสริมบทบาทสตรี และหาทางออกปัญหาที่เกิดจากสถาบันครอบครัวที่ไม่ได้รับการแก้ไข รวมทั้งขอให้ฟื้นกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ซึ่งเป็นกองทุนส่งเสริมอาชีพของสตรีที่เกิดขึ้นช่วงรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี



ขณะที่ระหว่างวันที่ 8-9 กันยายนี้จะลงพื้นที่จังหวัดขอนแก่น อุดรธานี และหนองคาย พร้อมกับรัฐมนตรีหลายกระทรวงเพื่อติดตามสถานการณ์ภัยแล้ง และการคมนาคมในภาคอีสาน ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีกำหนดจะนั่งรถไฟจากอุดรธานีไปยังหนองคาย เพื่อเชื่อมโยงการเดินทางและการกระตุ้นเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยนายกรัฐมนตรีได้ลงพื้นที่ล่วงหน้าถึงจังหวัดขอนแก่นตั้งแต่ช่วงเย็นที่ผ่านมา



และช่วงค่ำนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะลงพื้นที่พบปะ พ่อค้าแม่ค้าภายในตลาดโต้รุ่งรื่นรมย์ และชมการค้าการขายย่านเศรษฐกิจเมืองขอนแก่น โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที ก่อนจะเดินทางกลับที่พักซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตลาดแห่งนี้