ไม่เข็ด! บ.เอกอุทัย ปล่อยน้ำกรดลงคลองสาธารณะ แม้อยู่ระหว่างถูกดำเนินคดี

กรมโรงงานอุตสาหกรรม นำหมายค้นศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เข้าค้นบริษัทเอกอุทัย หลังจากก่อนหน้านี้ออกคำสั่งตามมาตรา 39 วรรค 1 ให้ปรับปรุงแก้ไขน้ำเสียสารเคมีที่ปนเปื้อนในโรงงานให้แล้วเสร็จภายใน 31 สิงหาคม คือเมื่อวานนี้ แต่การนำหมายศาลเข้าค้นวันนี้ กลับพบน้ำเสียสารเคมี มีฤทธิ์เป็นกรด ถูกเทเกลื่อนพื้น และมีร่องรอยเทลงท่อระบายน้ำ จนไหลไปลงคลองสาธารณะ ขณะอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรมระบุว่า จะต้องดำเนินการเด็ดขาด ถึงขั้นเพิกถอนใบอนุญาต



สภาพที่เจ้าหน้าที่เห็นในระหว่างนำหมายศาลเข้าตรวจค้นโรงงานบริษัทเอกอุทัย อำเภออุทัย จ.พระนตรศรีอยุธยา ทำให้เจ้าหน้าที่กังวลมากยิ่งขึ้น เพราะเดิมได้ออกคั่งตามาตรา 37 วรรค 1 ของ พรบ.โรงงานอุตสาหกรรมให้หยุดกิจการชั่วคราว แล้วปรับปรุงน้ำเสียสารเคมีให้ดีขึ้น แต่ทำไม่แล้วเสร็จ กรมจึงออกคำสั่งให้ตามมาตรา 39 วรค 1จำนวน 2 ฉบับให้แก้ไขทั้งปัญหาเดิมและปัญหาใหม่ให้จบภายใน 31 สิงหาคมคือเมื่อวานนี้



แต่การนำหมายเค้นเข้าค้นวันนี้กลายเป็นว่าพบปัญหาหนักกว่าเดิม เพราะภายในโรงงานเอง มีสารเคมีจำพวกกรด ถูกเทเกลื่อนพื้น เมื่อฝนตกหนักก็จะชะล้างไปเรื่อย



จุดที่ 2 ที่เจ้าหน้าที่เข้าค้นคืออาคารโกดังตามหมายเลข 106 (3 ) พบถึงเบาท์ขนาด 1 พันลิตตร มากกว่าพันถังกองระเนระนาด และมีกรดแก่ ไหลนองเต็มพื้น



ที่อาคารด้านหลังเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวสอบ ยังพบ บ่อกรดขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง และรอบข้างก็มีน้ำกรดเจิ่งนองพื้น



ยิ่งกว่านั้นเมื่อเจ้าหน้าที่ เข้าไปตรวจสอบถึงด้านหลังโรงงานที่มีสังกะสีปิดกั้นทางเข้า แต่ใช้อำนาจพนักงานตามหมายค้นเข้าไปตววจสอบ ก็พบจุดที่ถมดินขึ้นใหม่ โดยมีข้อมุลยืนยันว่าเป็นบ่อน้ำเก่า เจ้าหน้าที่สงสัยว่ามีการปล่อยน้ำสารเคมีลงบ่อ แล้วถมดินขึ้นสูงกว่าพื้นเดิมของโรงงานราว 50 เซนติเมตร



และนอกจากบ่อกรดขนาดใหญ่นั้นแล้ว พบว่าใต้หลังคาเมทัลชีท มีบ่อที่สะสมน้ำกรด น้ำเสียสารเคมีจำนนมากเช่นกัน



นอกจากภายในโรงงานแล้ว ด้านหน้าโรงงานที่มองเห็นได้อย่างเปิดเผย ก็จะพบน้ำกรดไหลออกจากอาคารโรงงานออกมาด้านนอกก ไหลตามที่ลุ่มต่ำ และเจ้าหน้าที่เชื่อว่ามีการจงใจปล่อยน้ำเสียลงในท่อระบายน้ำ ด้านหน้าโรงงาน มีถังเบาท์ที่เก็บไม่ทันตั้งอยู่ และมีร่องรอยฉาบปูนทับไยว้ โดย ทางระบายน้ำนี้จะไหลลคลองสาธารณะของชาวบ้าน



วันนี้ชาวบ้านหลายคนในอำเภออุทัย มายื่นหนังสือถึงอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรมและบอกว่าทั้งชาวบ้านและภาครัฐให้โอกาสบริษัทปรับปรุงแก้ไขมานานแล้ว ถึงว่าที่ต้องดำเนินการเด็ดขาด



อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม เปิดเผยกับข่าว 3 มิติล่าสุดว่า สภาพที่เห็นในโรงงานเป็นการประกอบกิจการที่สงผลกระทบร้ายแรงต่อสภาพแวดล้อม ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการขั้นเด็ดขาด และจะติดตามเอาผิดกรรมการบริษัทเป็นรายบุคคลมากกว่าจะเป็นนิติบุคคล



สำหรับบริษัทเอกอุทัย ได้เปลี่ยนชื่อกรรมการบริหารและผู้จัดการเป็นชุดใหม่แล้วตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา แต่กรมโรงงานระบุว่า แม้เปลี่ยนผู้บริหารได้ดำเนินคดีกรรมการเป็นรายบุคคลไว้แล้ว ดังนั้กรรมการบริษัทชุดเก่ายังต้องรับผิดชอบต่อความผิดที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ และเมื่อเปลี่ยนชุดใหม่แล้วยังพบว่ากระทำผิดซ้ำ ก็ต้องเอาผิดกรรมการชุดใหม่ ควบคู่ไปกับการเอาผิดในนามนิติบุคคล