'เพื่อไทย' ขอขมา 'ก้าวไกล' เจรจาขอเสียงหนุนตั้งรบ.พิเศษ

พรรคเพื่อไทย นำทีมโดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เดินทางไปพบแกนนำพรรคก้าวไกล เพื่อขอขมา และขอโทษ ตามที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ต้องการเสียงสนับสนุนจากพรรคก้าวไกล เลือกนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย เพื่อเป้าหมายในการจัดตั้งรัฐบาลพิเศษในการแก้ไขวิกฤติการเมือง แต่พรรคก้าวไกลยังไม่ให้คำตอบ ทำให้สมการการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย อาจเจอทางตัน



นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยอมรับว่ายินดีไปขอขมา ขอโทษ พรรคก้าวไกล เพื่อให้ร่วมโหวตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย เพราะเป้าหมายในการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย ต้องผ่านการเลือกนายกรัฐมนตรี ที่แม้พรรคก้าวไกลจะต้องไปเป็นฝ่ายค้าน แต่หากยืนอยู่บนหลักการ การตั้งรัฐบาลพิเศษ เชื่อว่าจะกลายเป็นการเมืองมิติใหม่ ที่จะเกิดการทำงานที่เข้มแข็งระหว่างรัฐบาลและฝ่ายค้าน



ซึ่งพรรคเพื่อไทยทำตามที่ประกาศไว้ ในช่วงบ่าย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นำทีม หัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค และรองหัวหน้าพรรค เดินจากอาคารพรรคเพื่อไทย ไปยังอาคารไทยซัมมิต พบแกนนำพรรคก้าวไกล หารือกันกว่า 1 ชั่วโมง นางสาวแพทองธาร เปิดเผยว่า เป็นการรับฟังความคิดเห็น ถึงแนวทางการจัดต้ังรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย ที่อยากเห็นรัฐบาลของประชาชนให้แข้งแรงที่สุด ที่เหลือขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพรรคก้าวไกล



ขณะที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เปิดเผยเพียงสั้นๆว่าเป็นการรับฟังซึ่งกันและกันอย่างมีวุฒิภาวะ และพรรคก้าวไกลต้องหารือกันภายใน ยังไม่มีการสรุปว่าจะโหวตให้พรรคเพื่อไทยหรือไม่



หากถอดรหัส แนวคิด รัฐบาลพิเศษของพรรคเพื่อไทย ตามที่นายภูมิธรรม เวชยชัย เสนอไว้ แน่นอนว่า จำนวนพรรคการเมืองที่ตอบรับเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย 9 พรรค จำนวน 238 เสียง หากรวมพรรคเล็กอีก 2 พรรค เป็น 11 พรรค 240 เสียง ยังขาดอีกกว่า 10 เสียงจึงจะเกินกึ่งหนึ่ง



หากต้องการเสถียรภาพ จะต้องมี พรรคประชาธิปัตย์ หรือ พรรครวมไทยสร้างชาติ หรือ พรรคพลังประชารัฐ เข้าร่วมรัฐบาล แต่รูปแบบรัฐบาลพิเศษ จะไม่ใช้เงื่อนไข การมาทั้งพรรค เพราะจะเริ่มจากการขอให้ สส.ร่วมกันเลือกนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยให้ผ่านไปก่อน แล้วมาพูดคุยกันว่า จะสามารถทำงานร่วมกันในรูปแบบใด แต่อยู่ภายใต้หลักการที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยต้องเป็นเสียงข้างมาก จึงขอให้ทั้ง สส.และสว. เปิดทางในการเลือกนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยให้สำเร็จเสียก่อน ในท้ายที่สุดหากพรรคเพื่อไทยทำไม่ได้ ก็จะบอกประชาชนเอง



จาก 9 พรรคร่วมของพรรคเพื่อไทย มีแล้ว 238 เสียง หากพรรคก้าวไกลโหวตนายกรัฐมนตรีให้พรรคเพื่อไทย จะผ่านการโหวตด้วยเสียง 389 เสียง โดยไม่ต้องมีเสียง สว. นี่จึงเป็นทางเลือกรัฐบาลพิเศษ ที่พรรคเพื่อไทยคาดหวังจะให้ผ่านด่านสำคัญนี้ไปก่อน เพราะถ้าหากไม่สามารถโหวตนายกรัฐมนตรี จากพรรคที่ชนะการเลือกตั้งอันดับ 2 ได้แล้ว ก็อาจเป็นไปได้ ที่จะเห็น พรรคที่ชนะเลือกตั้งอันดับ 3 คือพรรคภูมิใจไทย มาจัดตั้งรัฐบาลแทน