'พร้อมพงศ์' โชว์ภาพ 'ชูวิทย์' ดอดพบ 'เศรษฐา' ติดต่อขายที่ดิน ถามแฉเพื่อชาติหรือเพื่อใคร ?

กรณีภาษีซื้อ-ขายที่ดินของ "นายเศรษฐา ทวีสิน" วันนี้มีความเคลื่อนไหวจากหลายฝ่าย โดยเฉพาะ นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อไทย เเถลงโต้กลับ กล่าวหานายชูวิทย์ "บิดเบือนข้อเท็จจริง หวังเปิดเกมดิสเครดิต นายเศรษฐา เพื่อให้ใครได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่" ซึ่งต่อมา นายชูวิทย์ ก็ได้ออกมาตอบโต้ทันที



นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อไทย จัดแถลงข่าวเกี่ยวกับนายชูวิทย์ ในหัวข้อ "แฉเพื่อชาติ หรือแฉเพื่อใคร"โดยได้นำป้ายไวนิลขนาดใหญ่ เป็นภาพของนายชูวิทย์ จับมือกับนายเศรษฐา ระบุข้อความว่า "ภาพการเจรจา การซื้อขายที่ดินที่บริษัทแสนสิริ เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2565" เป็นกรณีที่นายชูวิทย์ไปพบนายเศรษฐา และผู้บริหารแสนสิริ เพื่อเสนอขายที่ดินของตนเองให้บริษัทแสนสิริ เนื่องจากมีปัญหากับบริษัทไรมอนแลนด์ แต่ท้ายที่สุดบริษัทแสนสิริ ปฏิเสธซื้อที่ดินของนายชูวิทย์ เพราะติดปัญหาเรื่องข้อกฎหมาย



ซึ่งนายพร้อมพงศ์ ได้ถามกลับว่า จริงหรือไม่? ก่อนนายชูวิทย์จะมาแฉนายเศรษฐา ได้พยายามเสนอขายที่ดินให้บริษัทแสนสิริอีกครั้ง ในราคา 2,000 ล้านบาท แต่ถูกปฏิเสธอีกครั้ง จึงกลายเป็นชนวนที่ทำให้นายชูวิทย์ไม่พอใจใช่หรือไม่? และการแฉครั้งนี้แฉเพื่อใครกันแน่ รับงานใครมา หวังผลทางการเมือง เพื่อให้ใครกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกหรือไม่



ด้านนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ วันนี้เดินทางมาที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปราบการทุจริตแห่งชาติ เพื่อยื่นเรื่องเอาผิดเจ้าพนักงานที่ดิน โดยก่อนการแถลงข่าว นายชูวิทย์ได้ชี้แจงเรื่องที่นายพร้อมพงศ์ กล่าวหาเเละตั้งคำถาม นายชูวิทย์ ชี้เเจงกรณีที่ออกมาแฉ เพราะตกลงซื้อขายที่ดินที่ไม่ลงตัวหรือไม่ ยืนยันว่า ที่ดินของตนเองไม่สามารถซื้อขายกับใครได้ เพราะติดสัญญากับบริษัท "ไร มอน แลนด์"



ส่วนกรณีที่มีภาพปรากฎว่าตนเองพูดคุยกับนายเศรษฐานั้น นายชูวิทย์ บอกว่า ภาพนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 กันยายน ปี 2565 มีการพูดคุยกันจริง แต่การพูดคุยในครั้งนั้น นายเศรษฐา ส่งคนมาเชิญไปพูดคุยด้วย เพื่อจะขอซื้อที่ดิน แต่ที่ดินผืนนี้ยังติดสัญญาอยู่กับบริษัทไรมอนแลนด์ จึงไม่สามารถขายให้นายเศรษฐาได้ ซึ่งรายละเอียด เนื้อหาการพูดคุยมีเพียงเท่านี้ และในการพูดคุยกันในวันนั้น นายเศรษฐา ยังบอกกับตนเองว่า ในชีวิตนี้ไม่เคยคิดที่จะเป็นนักการเมือง แต่สุดท้ายกลับยกตัวเอง ขึ้นมาเป็นเเคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย



โดยนายชูวิทย์ ได้เเสดงหลักฐาน เป็นเเชทการสนทนากับนายเศรษฐา ในวันที่ 16 กันยายน ปี 2565 เพื่อยืนยันว่าไม่มีอะไรมากกว่านั้น นายชูวิทย์ บอกว่า "เดือนตุลาคม ตนเองจะเดินทางไปอังกฤษเพื่อรักษาตัว จากมะเร็งตับลุกลาม จึงขอลาไว้ล่วงหน้า ย้ำว่าภารกิจแฉเพื่อชาติครั้งนี้ จะเป็นการแฉครั้งสูงสุดในชีวิต



ก่อนหน้านี้ นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของ นายเศรษฐา นำเอกสารหลักฐานการแถลงข่าวของนายชูวิทย์ มายื่นฟ้องเรียกค่าเสียหาย 500 ล้านบาท ที่ศาลอาญารัชดาภิเษก โดยมีสาระสำคัญระว่า เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 3 สิงหาคม นายชูวิทย์ทราบอยู่แล้วว่า ในวันศุกร์ที่ 4 สิงหาคม จะมีการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ที่คาดว่าจะมีการเสนอชื่อ "นายเศรษฐา" จากพรรคเพื่อไทย ในฐานะเป็นบุคคลที่สมควรจะได้รับแต่งตั้งเป็น "นายกรัฐมนตรี" แต่กลับแถลงข่าวในหัวข้อ "แฉเพื่อชาติ EP 1" โดยป่าวประกาศ ใส่ความนายเศรษฐาต่อหน้าสื่อมวลชนที่ไปทำข่าว ในลักษณะใส่ความต่อบุคคลที่สาม