จับตาฝนทิ้งช่วงจากเอลนีโญ กอนช.สั่งรับมือแล้ง โดยเฉพาะ 3 เขื่อนอีสาน

ปรากฏการณ์เอลนีโญ ที่จะทำให้สภาพอากาศแปรปรวน โดยเฉพาะคาดการณ์ว่าจะมีฝนทิ้งช่วงในฤดูฝน ซึ่งอาจจะไม่ส่งผลโดยตรงในปีนี้เพราะยังมีน้ำต้นทุนอยู่ แต่การที่จะไม่มีน้ำฝนใหม่มาเติมมากนัก อาจจะกระทบไปถึงน้ำต้นทุนที่เตรียมไว้ใช้ในปีหน้า นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ กำชับให้ทุกอ่างเก็บน้ำใหญ่ กำหนดแผนเพื่อกักเก็บน้ำไว้ให้เหมาะสม โดยเฉพาะเขื่อน 3 แห่งที่ภาคอีสาน ยังมีน้ำสะสมปริมาณน้อย



ผู้อำนวยสำนักงานชลประทานที่ 6 ซึ่งมีพื้นที่รับผิดชอบชัยภูมิ ขอนแก่น มหาสารคาม กาฬสินธุ์ และร้อยเอ็ด ยืนยันได้ว่าเขื่อน 3 แห่งในพื้นที่ดูแลคือเชื่อนจุฬาภรณ์ จ.ชัยภูมิ /เขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น และเขื่อนลำปาว จ.กาฬสินธุ์ จัดอยู่ในเกณฑ์มีน้ำน้อย โดยน้อยกว่าช่วงเดียวกันนี้ของปีก่อน อยู่ที่ร้อยละ 39.92 ของความจุอ่าง ทำให้ยังรองรับหรือต้องการน้ำเพื่อกักเก็บได้อีกมาก



โดยเฉพาะเขื่อนอุบลรัตน์ ที่จะเติมน้ำลงสู่ลำน้ำพอง ไปสมทบกับลำน้ำชี ขณะนี้มีน้ำกักเก็บอยู่เพียง 815 ล้าน ลบม. คิดเป็นร้อยละ 36.82 ของความจุอ่าง เปรียบเทียบกับปีที่แล้ว ที่มีน้ำกักเก้บอยู่ 913 ล้าน ลบม. นั่นหมายว่าเฉพาะเขื่อนนี้ยังมีพื้นที่รับได้อีกถง 1600 ล้านลูกบาศก์เมตร



ปรากฏการ์เอลนิโญ่ ทำให้กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ กำชับให้แต่ละพื้นวางแผนกักเก็บน้ำ ในฤดูฝนนี้ให้เหมาะสม เพราะแม้ว่าปีนี้อาจจะมีน้ำเพียงพอ แต่อาจมีน้ำฝนใหม่มาเติมไม่มาก นั่นหมายความว่าการขาดแคลนน้ำอาจจะเห็นผลชัดเจนในสิ้นฤดูกาลนี้ไปจนถึงหน้าแล้งในปีหน้า โดยเฉพาะในภาคอีสาน ที่ต้องอาศัยช่วงที่มีฝนตกหนักแล้วกักเก็กน้ำไว้ให้เหมาะสม กับความจุของแต่ละแห่ง



และหากเปรียบเทียบ 3 เขื่อนใหญ่ในอีสานตอนบน จะพบว่าเขื่อนอุบลรัตน์ มีน้ำกักเก็บ 815 ล้าน ลบม.คิดเป็นร้อยละ 35.55 เขื่อนจุฬาภรณ์ มีน้ำ 60 ล้าน ลบม.คิดเป็นร้อยละ 36.82 และเขื่อนลำปาว มีน้ำกักเก็บ 950 คิดเป็นร้อยละ 48 โดยเฉลี่ยแล้ว 3 เขื่อนนี้ มีปริมาณน้ำร้อยละ 39.92 ของความจุทั้ง 3 เขื่อนรวมกัน และเป็นน้ำที่ใช้การได้เพียง ร้อยละ 28.72 จัดอยู่ในเกณฑ์น้อยมาก



ข้อมูลดังกล่าว สอดคล้องกับการเปิดเผยของผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ที่ระบุว่าอ่างเก็บน้ำเขื่อนอุบลรัตน์ ณ ตอนนี้ มีน้ำกักเก็บ 815-816 ล้า ลบม.คิดเป็นร้อยละ 34 ของความจุ และเป็น้ำใช้การได้จริงราว 225 ล้าน ลบม.หรือร้อยละ 10 เท่านั้น



ข้อมูลจากกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ระบุว่าปริมาณฝนสะสมทั้งประเทศอยู่ในเกณฑ์น้อย โดยต่ำกว่าค่าปกติ 24 % แต่มีทิศทางดีขึ้นจากปริมาณฝนที่เพิ่มขื้น ยกเว้นตอนกลางของประเทศที่ฝนยังน้อย และกอนช.ให้ความสำคัญกับการประหยัดน้ำ และส่งเสริมการปลูกพืชรอบเดียว เพื่อสงวนน้ำไว้ให้ได้มากที่สุด