กกต.เตรียมประกาศรับรอง ส.ส.สัปดาห์หน้า ยันไม่แทรกแซงปมหุ้นไอทีวี 'พิธา'

กกต.เตรียมประชุมพิจารณารับรอง ส.ส.ในช่วงสัปดาห์หน้านี้ โดยไม่ยืนยันว่าจะครบทุกคนทุกเขตหรือไม่ แม้จะมีกระแสเรียกร้องจากสังคมให้เร่งประกาศรับรอง แต่ก็ต้องเป็นไปตามกฎหมาย เช่นเดียวกับกรณีหุ้นสื่อไอทีวีของนายพิธา ก็จะปล่อยให้คณะกรรมการดำเนินการโดยไม่แทรกแซง



นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. เปิดเผยว่า ทางคณะกรรมการได้นำผลการเลือกตั้งเข้าสู่กระบวนการพิจารณาแล้วในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่เนื่องจากข้อมูลประกอบการยังไม่เพียงพอ จึงนัดประชุมพิจารณาต่อในสัปดาห์หน้า ส่วนจะสามารถรับรองได้ 95% หรือ 100% นั้น ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง เพราะการประกาศผล ตามกฎหมาย เขียนว่า ให้กกต. ตรวจสอบเบื้องต้น หากการเลือกตั้งเป็นสุจริต ก็ประกาศได้โดยเร็ว แต่มีกรอบเวลาไม่เกิน 60 วัน



ตามกระบวนการแล้วจะใช้ข้อมูล 3 ส่วนประกอบ คือ 1. การเลือกตั้งเป็นสุจริตหรือไม่ ซึ่งก่อนหน้านี้มีการสั่งนับคะแนนใหม่ไปแล้ว 2.มีคำร้องคัดค้านหรือไม่ และเป็นเรื่องที่ทำให้ผลการเลือกตั้งไม่สุจริต หรือ ฝ่าฝืนกฎหมาย และ 3.การจัดทำความเห็นของผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำจังหวัด และผู้ตรวจการเลือกตั้ง



ส่วนกรณีเอกสารหลุด กกต. ที่ระบุ ว่าที่ 71 ส.ส.มีเรื่องร้องคัดค้านนั้น ประธานกกต. ยอมรับว่าเป็นเอกสารจริง ที่เสนอขึ้นมา แต่ย้ำว่า เป็นเพียงข้อมูลส่วนหนึ่งที่ใช้พิจารณา ไม่ใช่เอกสารหลัก ต้องดูว่าข้อมูลที่เกี่ยวข้องเป็นการทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริตหรือไม่ ก่อนลงมติว่าจะดำเนินการอย่างไร หรือขอให้มีการสืบสวนต่อ เบื้องต้นยังไม่มีการเสนอพิจารณาให้ใบเหลือง หรือใบส้ม ขึ้นมา



ขณะที่กรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ถูกร้องเรียนเรื่องการถือหุ้น ITV



ประธานกกต. กล่าวว่าเรื่องนี้ได้ตั้งคณะกรรมการไต่สวนแล้ว ขั้นตอนจะเป็นไปตามระเบียบการสืบสวนไต่สวน ซึ่งกำหนดขั้นตอน วิธีการ และเวลาชัดเจน โดยเน้นว่าต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และต้องเป็นไปตามระเบียบอย่างเคร่งครัด



ส่วนกรณี บริษัทไอทีวี แถลงชี้แจงบันทึกการประชุม กับคลิปวีดีโอไม่ตรงกัน รวมถึงรายงานงบการเงิน จะเป็นส่วนประกอบพิจารณาคำร้องของนายพิธา ด้วยหรือไม่ ประธานกกต. กล่าวว่า ขณะนี้เรื่องเข้าสู่คณะกรรมการไต่สวนแล้ว ต้องปล่อยให้คณะกรรมการทำหน้าที่ จะเรียกเอกสารจากส่วนใด หรือเรียกใครมาสอบสวนไต่สวน ทางกกต.จะไม่ไปแทรกแซง



ขณะที่ไต่สวนความผิดตามมาตรา 151 ของนายพิธา ทาง กกต.ระบุว่า ตามกฎหมายมีกรอบเวลา 20 วัน แต่ขอขยายได้ 2 ครั้ง ครั้งละ 15 วัน ซึ่งเรื่องนี้ทำโดยเร็วไม่ได้ ต้องสืบสวนไต่สวนอย่างรอบคอบ



สำหรับความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะสามารถพิจารณาให้ทันก่อนการโหวตนายกรัฐมนตรีเพื่อป้องกันปัญหา ประธาน กกต. กล่าวว่า เป็นเรื่องของกระบวนการถ้าเทียบกับระเบียบสืบสวนไต่สวน ก็เหมือนประมวลวิธีพิจารณาความอาญา หากไปเร่งก็จะไม่เป็นธรรม