ตั้ง 7 คณะทำงานเปลี่ยนผ่านรัฐบาล 'พิธา' ขอให้เชื่อมั่น พร้อมเดินหน้าทำงานเพื่อประชาชน

การประชุมพรรคร่วมรัฐบาลวันนี้มีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการประสานงานเปลี่ยนผ่านรัฐบาล และตั้งคณะทำงาน 7 ชุดเตรียมการนโยบายตาม MOU ที่จะมีครบทั้ง 23 นโยบาย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ขอให้เชื่อมั่นความสัมพันธ์ของพรรคร่วมรัฐบาล ที่จะเดินหน้าทำงานเพื่อประชาชน ส่วนปัญหาตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลจะร่วมหาข้อสรุป และหาความเหมาะสมเพื่อจัดตั้งรัฐบาลให้สำเร็จ



นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงผลการประชุมร่วมกับของ 8 พรรคร่วมรัฐบาล หลังการลงนามเอ็มโอยูเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ทุกพรรคมีมติในการตั้งคณะกรรมการประสานงานช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาล Transition Team โดยนายพิธา เป็นประธาน และมีกรรมการ ประกอบด้วย นางสาว ศิริกัญญา ตันสกุล พรรคก้าวไกล นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล พรรคเพื่อไทย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง พรรคประชาชาติ นาวาอากาศเอก อนุดิษฐ์ นาครทรรพ พรรคไทยสร้างไทย นายวิรัตน์ วรศสิริน พรรคเสรีรวมไทย และนายกัณวีร์ สืบแสง พรรคเป็นธรรม นายวสวรรธน์ พวงพรศรี พรรคเพื่อไทยรวมพลัง และ เชาวฤทธิ์ ขจรพงศ์กีรติ พรรคพลังสังคมใหม่ โดยจะประชุมกันในวันที่ 6 มิถุนายน ที่พรรคเพื่อไทย โดยจะมีคณะทำงาน 7 ชุด ในเบื้องต้น ในการเตรียมงานนโยบาย ด้านค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมันดีเซล และราคาพลังงาน ด้านภัยแล้ง เอลนีลโญ่ คณะทำงานด้านการแก้ปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ด้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ด้านปัญหาสิ่งแวดล้อมและ PM2.5

ด้านการแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องและ SME และ ด้านการแก้ปัญหายาเสพติด ซึ่งถือเป็นการตั้งเป้าหมายเพื่อทำงานให้ประชาชน ไม่ใช่การกระทำที่ไม่สมควรตามที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ความเห็น



ส่วนปัญหาตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล จะมีการพูดคุยกันภายในและจะหาข้อสรุปให้ได้โดยเร็วที่สุ ซึ่งนายพิธา ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นปัญหาให้เกิดความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาล จึงคาดหวังที่ กกต.จะเร่งรับรอง ส.ส.เพื่อเริ่มเดินหน้าในการเปิดสภาผู้แทนราษฎร จัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้โดยเร็ว



ขณะที่นายแพทย์ ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่าไม่มีดีลลับเปลี่ยนขั้วจัดตั้งรัฐบาล มีแต่ ดีลรัก ที่พรรคเพื่อไทย ต้องยืนยันว่า จะสนับสนุนพรรคก้าวไกล จัดตั้งรัฐบาลให้สำเร็จ เพื่อให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ส่วนตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ทั้งสองพรรคจะหารือเพื่อให้เกิดความเหมาะสม



นายวันมูหะหมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ เห็นด้วยว่า กกต.ควรรับรอง ส.ส.เพื่อให้การจัดตั้งรัฐบาลเดินหน้าโดยเร็ว เพื่อความเชื่อมั่นของประชาชน เพราะหากปล่อยให้ล่าช้าจะส่งผลกระทบอย่างมากมาย



สำหรับคณะทำงานนโยบายตาม MOU ที่ตั้งแล้ว 7 ชุด จะมีการตั้งให้ครบ 23 ชุดตามประเด็นที่เห็นชอบร่วมกัน ซึ่งแต่ละพรรคจะส่งคณะทำงานมาร่วมในแต่ละประเด็น ยังไม่ใช่การกำหนดกระทรวงหรือรัฐมนตรี เพราะพรรคร่วมรัฐบาลจะยังไม่คุยถึงการแบ่งกระทรวงหรือจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรี จนกว่าจะเกิดความชัดเจนในการรับรอง ส.ส. ซึ่งจากไทม์ไลน์ ที่ กกต.จะรับรองได้ภายในวันที่ 13 กรกฏาคม และเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเลือกประธานสภาฯและนายกรัฐมนตรี ซึ่งคาดว่าจะมีขึ้นในกลางเดือนสิงหาคม ซึ่งยังมีเวลาอีกกว่า 2 เดือน เป็นเวลาที่ยาวนานเกินไปจนอาจทำลายความเชื่อมั่นของประชาชนได้