'องอาจ' ชี้กกต. 6 คนไม่ควรบินไปดูงานต่างแดน ลั่นตอนนี้ไม่ใช่เรื่องความจำเป็นสูงสุดที่ต้องทำ

ความเคลื่อนไหวการเมืองวันนี้ มีความชัดเจนจากหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ว่าสามารถร่วมงานกับพรรคการเมืองหากนโยบายตรงกัน แต่จะไม่แก้ มาตรา 112 รวมทั้งยืนยันไม่เคยขอตำแหน่งจากนายทักษิณ ชินวัตร ขณะที่รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งคำถามถึงคณะกรรมการการเลือกตั้งกรณีเดินทางไปดูงานต่างประเทศว่าเหมาะสมหรือไม่


นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่กรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ทยอยเดินทางไปดูการเลือกตั้งในต่างประเทศ ส่งผลให้หมดสิทธิขยายลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้า และวินิจฉัยนโยบายประชานิยมพรรคการเมืองต้องเลื่อนออกไป


นายองอาจระบุว่าในช่วงที่มีกำหนดการเลือกตั้งชัดเจนแล้ว กกต.ไม่ควรที่จะเดินทางไปต่างประเทศ ควรที่จะอยู่ทำงานในประเทศ และพร้อมที่จะประชุม ตัดสินใจในการแก้ปัญาต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นระหว่างเลือกตั้งได้ แม้ในปัจจุบันจะสามารถประชุมทางไกลได้ก็ตาม ก็คิดว่ามีหลายเรื่องที่กกต.ควรจะต้องอยู่ประชุม หรือปรึกษาหารือโดยพร้อมหน้ากัน น่าจะเกิดประโยชน์มากกว่า


เมื่อถามว่า การที่กกต.ไปดูงานในต่างประเทศ ส่งผลเสียหรือไม่ เพราะการวินิจฉัยนโยบายประชานิยมของพรรคการเมืองต้องเลื่อนออกไป นายองอาจ กล่าวว่า คิดว่าการไปดูงานต่างประเทศขณะนี้ไม่ใช่เรื่องความจำเป็นสูงสุดที่ต้องทำ และคิดว่ากกต.มีภาระหน้าที่ที่จำเป็นต้องทำมากกว่า และจริงๆแล้วการเลือกตั้งในต่างประเทศขณะนี้ ก็ไม่ใช่ความจำเป็นสูงสุดที่กกต.ต้องไปดูงาน แต่ควรใช้เวลาดูเรื่องการป้องกันการทุจริตการเลือกตั้ง ที่ต้องดำเนินการติดตามตรวจสอบการซื้อเสียง หรือการที่จะดำเนินการอะไรก็ตามที่อาจส่อไปในทางที่เกี่ยวกับการทุจริตการเลือกตั้ง โดยเฉพาะเกี่ยวกับการซื้อเสียง ดังนั้นการไปดูงานต่างประเทศของ กกต.จึงไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง


ด้านนายสมชัย ศรีสุทธิยากร ผู้สมัครบัญชีรายชื่อพรรคเสรีรวมไทย โพสต์เฟซบุ๊ก ส่วนตัวตั้งคำถาม กรณีที่ กกต.ทั้ง 6 คนไปต่างประเทศพร้อมกัน ระหว่างวันที่ 4-14 เมษายน 2566 โดยเลือกประเทศที่ไป คือ ฮังการี สโลวาเกีย เยอรมัน สวิส อัฟริกาใต้ และ อเมริกา จึงเป็นประเด็นที่สังคมตั้งข้อวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมว่าถูกที่ ถูกเวลาหรือไม่


พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ แคนดิเดตนายกฯจากพรรคพลังประชารัฐ ยืนยันระหว่างร่วมรายการ กรรมกรข่าวเปิดอกคุยโดย สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรณีการก้าวข้ามความขัดแย้งต้องช่วยกันทั้งประเทศ ต้องสามัคคีกันนำพาประเทศให้ก้าวหน้าต่อไป สิ่งที่จำเป็นคือต้องรักษามัคคีกันในชาติ ส่วนเรื่องการเมืองไปว่าในสภา คนไทยทุกคนต้องนำพาประเทศให้เจริญก้าวหน้ามากกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ เรื่องการเมืองไปว่ากันในสภา

พล.อ.ประวิตร ปฏิเสธว่าไม่เคยดีลกับนายทักษิณ​ ชินวัตร ไม่เคยคุย ไม่เคยเจอกัน ไม่เคยขอตำแหน่ง ส่วนการร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย พล.อ.ประวิตร กล่าวว่าหากนโยบายตรงกัน ร่วมได้ทั้งนั้น