เลือกตั้งและการเมือง

กกต.เตือน รทสช. คุม 'ไตรรงค์' หลังปราศรัยโยงเบื้องสูง - นายกฯ ไม่ใส่ใจ เจอป้าตะโกนด่า

โดย panwilai_c

13 มี.ค. 2566

48 views

ความเคลื่อนไหวการเมืองวันนี้ คณะกรรมการการเลือกตั้งเตือนพรรครวมไทยสร้างชาติให้ระมัดระวังเรื่องการปราศรัยหาเสียง ขณะที่นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่จังหวัดราชบุรี มีชาวบ้านพยายามมาตะโกนด่าแต่เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวไปก่อน ส่วนพรรคเพื่อไทยวันนี้เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครเพิ่มเติม 11 คน



เมื่อวานนี้ นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง มีหนังสือเตือนถึง หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กรณีการปราศรัย ของ นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี เมื่อวันที่ 25 ก.พ. ที่ จ.นครราชสีมา ที่พบข้อเท็จจริงว่า ช่วงหนึ่งของการปราศรัยได้นำสถาบันพระมหากษัตริย์มาใช้ในการหาเสียงเลือกตั้ง



ซึ่งเรื่องนี้ นายทะเบียนพรรคการเมือง พิจารณาแล้วเห็นว่า การกระทำของนายไตรรงค์ อาจเป็นการกระทำที่เป็นการฝ่าฝืนระเบียบกกต.ว่าด้วยการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 จึงขอให้ หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ควบคุมและกำกับดูแลมิให้นายไตรรงค์ กระทำการอันอาจเป็นการฝ่าฝืน กฎหมาย อีก



และจากกรณี ของ นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี วันนี้เลขาธิการ กกต. ยังมีหนังสือ แจ้งเตือนไปยังพรรคการเมือง ทุกพรรคให้ควบคุมการหาเสียง ของสมาชิกพรรคแต่ละพรรคด้วย หากพบการฝ่าฝืน กรรมการบริหารพรรค ต้องสั่งการให้ยุติการกระทำทันที แต่ถ้ากรรมการบริหารพรรคการเพิกเฉย กกต. มีอำนาจสั่งให้กรรมการบริหารพรรคพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ และห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลา 20 ปี



บรรยากาศการลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรีวันนี้ ไม่ได้เป็นไปอย่างราบรื่นเมื่อมีคุณป้าและชาวบ้านอีกคนที่เห็นต่างมาดักรอพบนายกฯ มีการตะโกนและแสดงสัญลักษณ์ต่อต้าน และเจ้าหน้าที่เข้าไปใช้กำลัง จุดเกิดเหตุ คือ ที่ศาลาประชาคมเทศบาล อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี เป็นจุดที่สาม ที่นายกฯลงพื้นที่ในวันนี้



โดยก่อนที่คณะนายกฯ เดินทางมาถึง ได้มีประชาชนผู้เห็นต่างสอง 2 คน เป็นคุณป้าสูงวัยคนหนึ่ง กับหญิงอีกคน (เสื้อดำ) มายืนดักขบวนนายกฯ ​เพื่อรอตะโกนด่าทอนายกฯ​ เจ้าหน้าที่จึงพยายามเข้ามากันออกไป แต่สุดท้ายมีการใช้กำลังกันเกิดขึ้น



โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงนอกเครื่องแบบใช้มือปิดปากคุณป้า​ และพยายามนำตัวออกจากพื้นที่ แต่คุณป้าคนดังกล่าวไม่ยอม​ จึงทำให้เจ้าหน้าที่​ ต้องลากตัวไปหลบหลังรถตู้​ เพื่อนำตัวออกนอกพื้นที่​ โดยมีชาวบ้านกลุ่มรักลุงตู่พยายามแจ้งว่า หญิงรายดังกล่าวเป็นลม​ เจ้าหน้าที่จึงพาไปหาหมอ



ระหว่างการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ พยายามใช้ร่มเพื่อกางปิดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมไปถึงใช้การตรึงกำลังเจ้าหน้าที่เพื่อไม่ให้ผู้สื่อข่าวบันทึกภาพได้ และเข้ามาสอบถามสื่อมวลชนว่าถ่ายทำไม และพยายามขอดูบัตรสื่อมวลชนและกันไม่ให้ถ่าย​ ขณะที่สื่อมวลชนได้บอกกับเจ้าหน้าที่ อย่าใช้ความรุนแรง ภาพออกไปมันไม่ดี



ขณะที่หญิงอีกราย ถูกกันอยู่ในวงล้อมของเจ้าหน้าที่ และกลุ่มผู้สนับสนุนที่พยายามห้ามไม่ให้เคลื่อนไหว​ โดยหญิงสาวรายดังกล่าวได้ชู 3 นิ้ว และมีคนบอกว่า ขอให้หญิงดังกล่าวออกนอกพื้นที่อย่าทำให้เสียชื่อคนบ้านโป่ง



ทั้งนี้ นายกฯไม่ได้ผ่านมาในจุดที่ชาวบ้านทั้ง 2 คน มาดักรอ โดยนายกฯใช้ทางเข้าออกอีกด้านของศาลประชาคม ขณะเกิดเหตุนายกฯจึงไม่ได้เห็นเหตุการณ์ จากการตรวจสอบ พบว่าเจ้าหน้าที่ที่มีการใช้กำลังดังกล่าว เป็นเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ตำรวจภาค 7 ไม่ใช้เจ้าหน้าที่ หรือทีมนายกฯจากส่วนกลาง



ที่พรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย และ ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคและรักษาการโฆษกพรรคเพื่อไทย ร่วมกันแถลงข่าวเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เพิ่มเติม จำนวน 11 คน



นพ.ชลน่าน คาดว่าครั้งนี้จะประกาศตัวผู้สมัครเป็นครั้งสุดท้าย เพิ่มเติมอีก 11 คน ก่อนในวันที่ 17 มี.ค.นี้จะเป็นการเปิดตัวครบทั้ง 400 เขต ต้องขอบคุณผู้สมัครทุกท่านที่ได้พิสูจน์ตนเองจนผ่านกระบวนการสรรหาพิจารณามาได้



พรรคเพื่อไทยประกาศเป้าหมายในการชนะเลือกตั้งอย่างแลนด์สไลด์ ตามหมุดหมาย 310 เสียงขึ้นไป เป็นการขอประกาศจับมือกับประชาชน ให้คะแนนแสนเลือกตั้งเพื่อไปสู่เป้าหมายให้ได้ เพราะรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันมีกลไกสืบทอดอำนาจ แม้จะได้ 250-270 เสียง ก็อาจจะจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ ส.ส.อีกฝ่ายมีเพียง 126 เสียง รวมกับ ส.ว. 250 เสียง ก็อาจเลือกนายกรัฐมนตรีได้



ทั้งนี้ นพ.ชลน่าน เน้นย้ำ 3 ปัจจัยหลักในการไปสู่เป้าหมาย คือ ตัวผู้สมัคร นโยบาย และแคนดิเดตนายกฯ ซึ่งจะประกาศชื่อภายหลังยุบสภา



นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานคณะทำงานนโยบาย กทม. ได้ร่วมกันแถลงถึงแนวทางการประกาศสงครามกับฝุ่น PM 2.5 กำหนดเขต ควบคุมมลพิษใจกลางเมือง 16 เขต และการแก้ไขปัญหา เพื่อเดินหน้าจัดการจนกว่าจะได้อากาศสะอาดไว้หายใจ ที่บริเวณหน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร



นายองอาจ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ เล็งเห็นความสำคัญของปัญหา PM 2.5 จึงได้พยายามหามาตรการและแนวทางต่างๆ เพื่อเข้ามาแก้ปัญหานี้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้พยายามนำเสนอข้อมูล เหตุผล ในการแก้ไขปัญหา แต่ก็ยังพบว่าการแก้ไขปัญหายังไม่สามารถดำเนินการได้เท่าที่ควร ด้วยสาเหตุ 3 ประการ



ประการแรก เนื่องจากผู้บริหารที่รับผิดชอบในการแก้ไขปัญหา PM 2.5 ยังมีทัศนคติที่ไม่ถูกต้อง เมื่อหลายปีก่อนในช่วงเริ่มต้นที่มีปัญหา PM 2.5 เฉพาะในกรุงเทพมหานครเพิ่มมากขึ้น ผู้บริหารจะบอกว่าอีกไม่นานปัญหานี้ก็จะค่อยๆ หมดไป เป็นเรื่องที่มาตามเทศกาลช่วงปลายปีต่อเนื่องกับช่วงต้นปี สิ่งนี้ถือว่าเป็นทัศนคติที่ไม่ถูกต้อง



ประการที่สอง ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ยังไม่เอาจริงเอาจังเท่าที่ควรกับมาตรการที่มีอยู่ในปัจจุบันในการแก้ไขปัญหา PM 2.5 การบังคับใช้กฎหมายยังไม่ได้ดำเนินการอย่างจริงจัง



ประการที่สาม มีวิธีการ และมาตรการอื่นๆ อีกมากมาย ที่สามารถนำมาใช้แก้ปัญหา PM 2.5 แต่พบว่าผู้บริหารที่รับผิดชอบในเรื่องนี้ ก็ยังไม่ได้พยายามที่จะหามาตรการหรือแนวทางให้ทันกับการแก้ไขปัญหา PM 2.5 ที่เพิ่มมากขึ้นทุกวัน



"ประชาธิปัตย์ กทม." ประกาศสงครามฝุ่น PM 2.5 คุมมลพิษใจกลางเมือง 16 เขต พร้อมเดินหน้าจัดการจนกว่าจะได้อากาศสะอาดไว้หายใจ

คุณอาจสนใจ

Related News