พรรคฝ่ายค้าน เปิดเวทีเขย่ารัฐบาล ชวนจับตา 4 ระเบิดเวลาทำเรือแป๊ะล่ม

พรรคร่วมฝ่ายค้าน เปิดเวทีทั่วไทยทวงคืนอำนาจประชาชน ครั้งที่ 4 ที่จังหวัดนครราชสีมา ชวนร่วมจับตาระเบิดเวลา 4 ลูกของรัฐบาลที่จะสั่นคลอน ทั้งการพิจารณางบประมาณ กฏหมายลูก 2 ฉบับ การอภิปรายไม่ไว้วางใจ และการครบวาระ 8 ปีของนายกรัฐมนตรี ที่อาจใช้กลไกให้พลเอกประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการณ์ไปเรื่อยๆ



เวทีทั่วไทยทวงคืนอำนาจประชาชน ครั้งที่ 4 ของพรรคร่วมฝ่ายค้าน จัดขึ้นที่จังหวัดนครราชสีมา มีการพูดคุยในหัวหข้อ รัฐบาลสั่นคลอน สภาฯ ล้มลุกคลุกคลาน โดยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า รัฐบาลเรือแป๊ะ ของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังจะเจอระเบิดเวลาลูกแรก คือการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ปี 2566 เพราะหากงบประมาณไม่ผ่าน สภาฯต้องรับผิดชอบด้วยการยุบสภา และการพิจารณาร่างกฎหมาย ลูก 2 ฉบับ ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และพรรคการเมือง เมื่อผ่านจะมีแรงกดดันให้ยุบสภาเพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งใหม่ และการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 ถ้ารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ได้รับเสียงไม่ไว้วางใจเกินกึ่งหนึ่งของ ส.ส.ที่มีอยู่ ไม่ต้องไล่ออก ไม่ต้องยุบสภา แต่ต้องออกโดยกฎหมายให้ออก



และสุดท้ายคือ ข้อกำหนดรัฐธรรมนูญที่ให้นายกรัฐมนตรีอยู่เกิน 8 ปีไม่ได้ ซึ่งจะอยู่ครบ 8 ปีในวันที่ 24 สิงหาคมนี้ นับแต่แต่การยึดอำนาจในปี 2557 และยังมีรอยรั่ว 4 รู เพราะพรรคเศรษฐกิจไทยยังไม่รู้จะอยู่ฝ่ายค้านหรือรัฐบาล แม้แต่พรรคเล็กพรรคน้อย พรรคเศรษฐกิจไทยมี 18 เสียงพรรคเล็ก 12 เสียงเป็นสวิงโหวต ถ้าโหวตให้ทิศทางใดก็เชื่อว่ารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ไปไม่รอดแน่นอน



นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยและผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ขอให้จับตากรณีรัฐธรรมนูญกำหนดให้นายกรัฐมนตรีจะดำรงตำแหน่งรวมกันแล้วเกิน 8 ปีไม่ได้ ซึ่งมีข่าวว่า พลเอกประยุทธ์ อาจจะตัดสินใจยุบสภา ก่อนที่จะมีกฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้งออกมาบังคับใช้ เพื่อให้เกิดเดดล็อกทางการเมือง แล้วจะสามารถอยู่รักษาการในอำนาจต่อไปได้ต่อเนื่อง หรืออีกหนทางคือ พลเอกประยุทธ์ อาจจะประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี จะเป็น นายกรัฐมนตรีรักษาการ ซึ่งเป็นห่วงว่าอาจมีการใช้กลไกของรัฐธรรมนูญที่น่าเป็นห่วงที่สุด คือ การทำให้กระบวนการเลือกนายกรัฐมนตรีในรัฐสภาไม่สามารถทำได้



นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้กู้เงินแล้ว 1.8 ล้านล้านบาท มีการดำเนินคดีกับผู้เห็นต่างจำนวนมาก มีการใช้กฎหมายอาญา มาตา 112 มาตรา 116 มีการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มีประชาชนถูกดำเนินคดีไปแล้วมากกว่า 3,000 คน ปี 2563 ถูกดำเนินคดี 1,800 คน จึงเชื่อว่า หากปล่อยให้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี และให้ พล.อ.ประวิตร รับไม้ต่อ อาจจะมีข้าราชการน้ำดีที่ต้องลี้ภัย และเยาวชนที่คิดต่างต้องถูกดำเนินคดี จึงต้องทำระบอบนี้ให้จบสิ้น