สรุปข่าว

เรื่องเล่าหน้าหนึ่ง 10 มิ.ย.67 ผลเลือก สว.ระดับอำเภอ-แก๊งคอลฯหลอกปู่สูญ 22 ล้าน-ปืนปลอมจี้ชิงร้านทอง

โดย thichaphat_d

10 มิ.ย. 2567

66 views

1.ปู่วัย 81 ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกโอนเงิน สูญ 22 ล้าน

2.ทลายแก๊งเงินกู้ ดอกโหด พบเงินหมุนเวียนกว่า 20 ล้าน

3.ผกก.อึดอัด ไลน์แฉ ผบก.น.9 ส่งตู้ม้าลงพื้นที่ ก่อนอ้างเข้าใจผิด

4.โจ๋ 19 ใช้ปืนปลอม จี้ชิงร้านทอง จนมุม ไหว้ขอโทษ อ้างเป็นหนี้

5.สุนัขขย้ำเด็ก 5 ขวบ พิตบูลพันธุ์ผสม กัดเหวอะเห็นกะโหลก

6.เขื่อนหน้าวัดเชิงเลน พังถล่มเป็นแนวยาวกว่า 70 เมตร

7.เรียกคืนยาแก้ไอเด็ก พบสารปนเปื้อน ทำเกิดพิษเฉียบพลัน



เรื่องเล่าการเมือง

-สมชาย ฉลุย ผ่านด่าน สว.ระดับอำเภอ คนดัง เข้ารอบพรึ่บ


ผ่านไปแล้วสำหรับการเลือก สว.ระดับอำเภอ มีผู้ผ่านด่านเข้าสู่การเลือกระดับจังหวัดทั้งหมด 23,645 ราย ซึ่งมีคนดังพาเหรดเข้ารอบจำนวนมาก และแน่นอน มีอดีตนายกฯสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ผู้ที่ถูกมองว่าจะเข้าไปเป็นประธานวุฒิสภา รวมอยู่ด้วย

จากยอดผู้สมัคร สว.ที่คุณสมบัติผ่านตามที่กฎหมายกำหนดทั้งหมดจำนวน 46,206 ราย สุดท้ายเมื่อวาน เหลือผู้ได้รับเลือกในระดับอำเภอ จากทั้ง 20 กลุ่มอาชีพเพื่อไปเลือกในระดับจังหวัดต่อไป จำนวน 23,645 ราย เป็นชาย 15,077 ราย เป็นหญิง 8,568 ราย

เช็คชื่อ ผู้ที่ผ่านการเลือกระดับอำเภอ แน่นอนผู้สมัครรายต้น ๆ ที่ถูกจับตาว่าผ่านหรือไม่ คือ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี น้องเขยอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ที่ลงสมัครที่ อ.แม่ริม จ. เชียงใหม่ ซึ่งก็ผ่านด่านเข้ามาได้

โดยหลังเสร็จกระบวนการเลือก นายสมชาย ก็เดินลงจากหอประชุมมารารัตน์ โรงเรียนแม่ริมวิทยาคม ชั้น 2 มายังบริเวณชั้นล่าง โดยชูบัตรผู้สมัคร สว. อ.แม่ริม ด้วยรอยยิ้ม ท่ามกลางแฟนคลับที่มาให้กำลังใจ

นอกจากนายสมชาย บรรดาคนดัง ๆ ที่ผ่านด่านการเลือกระดับอำเภอ เข้าสู่การเลือกระดับจังหวัดในวันที่ 16 มิถุนายน นี้ ก็มีจำนวนมาก เช่น ในกรุงเทพมหานคร ก็มี

-นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง จากเขตราชเทวี

-นางสาวรสนา โตสิตระกูล จากเขตทวีวัฒนา

-ครูประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ จากเขตคลองเตย

-นางอังคณา นีละไพจิตร จากธนบุรี

-นางสดศรี สัตยธรรม อดีต กกต. จากเขตธนบุรีเหมือนกัน

-อ.นันทนา นันทวโรภาส เขตพระนคร

-นายสนธิญา สวัสดี และ นายสันธนะ ประยูรรัตน์ เขตปทุมวัน

-นายแทนคุณ จิตต์อิสระ เขตสวนหลวง

-นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ เขตหลักสี่

ส่วนในต่างจังหวัด ที่เด่น ๆ ก็มีเช่น

-นายพนัส ทัศนียานนท์ อดีต สว. จาก อ.แม่สอด จ.ตาก

-นายเทวฤทธิ์ มณีฉาย บก.สำนักข่าวประชาไท ที่ร่วมร้องศาลปกครองเรื่องระเบียบการแนะนำตัวผู้สมัคร สว.ของกกต. ด้วย ก็ได้รับเลือกเข้ามา จาก อ. อัมพวา สมุทรสงคราม

-นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี หรือผู้ว่าฯปู อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครและจังหวัดอ่างทอง จาก อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง

-นางพริ้ม บุญภัทรรักษา แม่ของนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน ก็ผ่านด่านมาจาก อ. ภูเขียว ชัยภูมิ

-นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต่อต้านคอร์รัปชั่น จาก อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง

ขณะเดียวกัน ในบรรดาผู้ที่ไม่ผ่านด่านระดับอำเภอเมื่อวาน ก็มีที่น่าสนใจ เช่น น.ส.อุษณีย์ ชิดชอบ พี่สาวของนายเนวิน ชิดชอบ ไม่ผ่านตั้งแต่รอบแรก คือ การเลือกกันเองภายในกลุ่ม ที่ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์



- กกต. แถลงภาพรวมเลือก สว. ผ่านไปด้วยความเรียบร้อย

ขณะที่เลขาธิการ กกต.แถลงผลการเลือก สว.ในระดับอำเภอทั่วประเทศว่า ถือว่าผ่านไปด้วยความเรียบร้อย และเชื่อว่าการเลือกระดับจังหวัดในวันเสาร์หน้า ก็จะเป็นไปด้วยความเรียบร้อยเช่นกัน

นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง แถลงข่าวภายหลังจัดเลือก สว.ระดับอำเภอว่า การเลือกทยอยปิดการเลือกประมาณ 15:00 น. สถานการณ์ในการเลือก สว.ภาพรวม เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายด้วยดี

ขั้นตอนจากนี้ หลังการเลือกระดับอำเภอเสร็จสิ้น และมีการประกาศผลการเลือกที่หน้าสถานที่เลือก ในวันนี้ (10 มิ.ย.) ผู้อำนวยการเลือกระดับอำเภอจะส่งบัญชีรายชื่อผู้ได้รับเลือกให้กับผู้อำนวยการเลือกระดับจังหวัด และปิดประกาศ ณ ที่ว่าการอำเภอ และ จะมีเผยแพร่ในเว็บไซต์สำนักงาน กกต. และแอปพลิเคชั่น Smart Vote และภายใน 3 วัน ผอ.การเลือกระดับจังหวัดจะจัดทำเอกสารแนะนำข้อมูลผู้สมัครส่งให้แต่ละกลุ่มเพื่อพิจารณาเลือก ส่วนกรณีผู้สมัครเห็นว่า การดำเนินการเลือกไม่ชอบด้วยกฎหมาย ของผู้ดำเนินการเลือก ก็ให้ร้อง คัดค้านที่ศาลฎีกาภายใน 3 วัน

ส่วนกรณีที่มีการตั้งข้อสงสัยเรื่องการฮั้ว เลขา กกต. ระบุว่า ทาง กกต.ก็มีการสอบในทางลับ แต่ถึงที่สุดก็ต้องว่าไปตามข้อเท็จจริง ไม่ใช่ว่าเมื่อมีความเห็นแล้วต้องคาดคั้นให้มี เพราะระบบกฎหมายในโลก จะใช้ความเห็นมาลงโทษไม่ได้ ทั้งนี้ ตอนนี้มีคำร้องอยู่ประมาณ 22 คำร้อง



-พิธา เปิด 9 ข้อต่อสู้คดียุบก้าวไกล ชี้ไม่ควรถึงยุบพรรค

ส่วนพรรคก้าวไกล เมื่อวาน นายพิธา ก็มาแถลงตามนัด โดยเปิด 9 ข้อต่อสู้คดียุบก้าวไกล ชี้ศาล รธน.ไม่มีอำนาจพิจารณาคดียุบพรรค ยืนยัน การแสดงความเห็นเรื่อง ม.112 เป็นปัจเจก ไม่ใช่มติของพรรค และ โทษไม่ควรถึงขั้นยุบพรรค โทษยุบพรรคต้องเป็นมาตรการสุดท้าย

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล แถลงข้อต่อสู้คดียุบพรรคก้าวไกล ซึ่งมีทั้งหมด 9 ข้อต่อสู้ แบ่งเป็นสัดส่วน คือ เขตอำนาจและกระบวนการ / ข้อเท็จจริง / และสัดส่วนโทษ ได้แก่

1. ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีเขตอำนาจวินิจฉัยพิจารณาคดีนี้

2. กระบวนการยื่นคำร้องของ กกต.ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

3. คำวินิจฉัยคดีของศาลรัฐธรรมนูญวันที่ 31 มกราคม (คดีล้มล้างการปกครอง) ไม่ผูกพันต่อการวินิจฉัยคดีคดีนี้

4. การกระทำที่ถูกกล่าวหาไม่ล้มล้างไม่อาจเป็นปฏิปักษ์

5. การกระทำตามคำวินิจฉัยของคดี 31 มกราคม ไม่เป็นมติของพรรค ไม่ใช่เรื่องนิติบุคคล

6. โทษยุบพรรคต้องเป็นมาตรการสุดท้ายเมื่อจำเป็นฉุกเฉินฉับพลัน และไม่มีทางแก้ไขในระบอบประชาธิปไตย

7. ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค

8. จำนวนปีในการตัดสิทธิ์ทางการเมืองต้องได้สัดส่วนกับความผิด

9. การพิจารณาโทษต้องสอดคล้องกับคณะกรรมการบริหารพรรคในช่วงที่ถูกกล่าวหา

ทั้งนี้ นายพิธา ระบุว่า ตามคำร้องของ กกต. ให้ตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค ทั้ง 3 ชุด ซึ่งไม่เห็นด้วย หากมีการยุบพรรคจะเป็นการยุบ 2 พรรคใน 5 ปี และเป็นการยุบ 5 ครั้งในรอบ 20 ปี ซึ่งไม่กล้าที่จะเดาหรือคิด ว่าจะเกิดผลกระทบอะไรกับเมืองไทย หรือการเมืองไทย



-นายกฯ มอง "ทักษิณ" เป็นห่วงบ้านเมือง ไม่ใช่ปลุกปั่น

มีประเด็นต่อเนื่อง หลังจากอดีตนายกฯทักษิณ ไปพูดเกี่ยวกับประเด็นทางการเมืองระหว่างไปเป็นประธานงานบวชที่ปทุมธานี ซึ่งมีการตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการปลุกปั่นหรือไม่ เมื่อวานนายกฯให้สัมภาษณ์เรื่องนี้ โดยมองว่า น่าจะเป็นเพราะคุณทักษิณเป็นห่วงบ้านเมือง ไม่ใช่การปลุกปั่น

เมื่อวานเป็นวันสุดท้ายของการลงพื้นที่ภาคเหนือของนายกฯเศรษฐา ทวีสิน ในรอบนี้ ซึ่งท่านไป 3 วัน เมื่อวานท่านไปที่ลำปางซึ่งไปดูเกี่ยวกับเรื่องการท่องเที่ยวเป็นหลัก

หลังการลงพื้นที่นายกฯให้สัมภาษณ์หลายประเด็น หนึ่งในนั้นคือเรื่องการความเคลื่อนไหวล่าสุดของ อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ที่ไปพูดในงานบวชที่จังหวัดปทุมธานี ที่นักวิชาการบางคนมองว่าเป็นเรื่องของการปลุกปั่น ว่า เชื่อว่านายทักษิณ หรือหลาย ๆ ท่านที่ออกมาให้ข่าวในช่วงหลังนี้ มีความเป็นห่วงบ้านเมือง แต่วิธีการพูดวิธีการตักเตือนก็อาจจะแตกต่างกันไป ฝ่ายบริหารก็มีหน้าที่รับฟัง

ส่วนที่กระทบชิ่งไปทางพรรคร่วมรัฐบาล จะกระทบต่อเสถียรภาพรัฐบาลหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คนอยู่ด้วยกันก็มีทั้งเห็นด้วยและเห็นต่าง ตนในฐานะหัวหน้ารัฐบาลก็มีหน้าที่คอยประสานใจ

ถามว่าการเคลื่อนไหวในลักษณะอำนาจเชิงซ้อนระหว่างนายทักษิณกับนายกฯ มีผลต่อสายตานักลงทุนต่างชาติหรือไม่ นายกฯ บอก ไม่ขอพูดว่าอำนาจเชิงซ้อนมีหรือไม่ แต่ยืนยันว่าอำนาจเบ็ดเสร็จอยู่ที่ตน แต่ก็ยอมรับว่ามีต่างชาติตั้งคำถามในแง่นี้เหมือนกัน ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา ในช่วงท้าย นายกฯ ย้ำว่าท่านไม่ได้ย่อท้อในการทำงาน ยังยิ้มได้อยู่ ก่อนจะพูดติดตลกจนเรียกเสียงหัวเราะว่า "แต่บางทีก็กัดฟันเหมือนกัน"


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/eqcB3c1OSV8

คุณอาจสนใจ

Related News