สรุปข่าว

เรื่องเล่าหน้าหนึ่ง 25 ม.ค.67 พิธา เฮ! รอดคดีหุ้นไอทีวี-ตำรวจปืนดุยิงไรเดอร์-รวบแก๊งปลอมเพจ ดร.นิเวศน์

25 ม.ค. 2567

46 views

1.พิธา เฮ! รอดคดีหุ้นไอทีวี ศาล รธน. ชี้ไม่สิ้นสุด สส.

พิธาได้กลับมาทำหน้าที่ สส. หลังตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ 8 ต่อ 1 ชี้ ไม่สิ้นสุดการเป็น สส. เหตุไอทีวี สิ้นสภาพสื่อ ตั้งแต่สปน. บอกเลิกสัญญา เจ้าตัวโพสต์ทันที ขอบคุณทุกกำลังใจเดินหน้าทำงานต่อไม่รอแล้วนะ

2.คลัง คอนเฟิร์มตัวเลข GDP ปี 66 โต 1.8% ตามเอกสารหลุด


สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง แถลงอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปี 2566 และ 2567 ขยายตัว 1.8% และ 2.8% ตามลำดับ เป็นไปตามที่มีเอกสารหลุดออกมา ที่ระบุว่า เศรษฐกิจไทยปี 66 ชะลอลงจากปี 65 ที่ขยายตัว 2.6%

3.ดาบตำรวจปืนดุ ยิงหนุ่มไรเดอร์ ดับหน้าบ้าน

ดาบตำรวจปืนดุ ยิงหนุ่มไรเดอร์ ดับหน้าบ้าน หลังพาสายลับไปตามลูกสาว อ้างถูกผู้ตายเขวี้ยงขวดน้ำจากชั้น 2 และพยายามใช้มีดเข้าทำร้าย และแทงกระจกเสียหาย จึงควักปืนยิงกระสุนเข้าลำคอเสียชีวิต ก่อนยืนรอมอบตัว โดนข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยมีและใช้อาวุธ เผยเหตุที่ตัดสินใจใช้ปืนยิงทั้งที่ไม่จำเป็น ผู้ก่อเหตุยังไม่ให้การ

4. แจ้งข้อหา 4 LGBTQ บุกกระทืบเพื่อนสาวสาหัส

ตำรวจคุมตัวพร้อมแจ้งข้อหา แก๊ง LGBTQ 4 คน บุกกระทืบเพื่อนสาว เจ็บสาหัสคาห้องพัก เหตุนำเรื่องในกลุ่มไปนินทา เบื้องต้นยังให้การปฏิเสธ รูดซิปปากไม่ขอตอบสื่อ

มูลนิธิเป็นหนึ่งและพม.นนทบุรี เข้าช่วยเหลือสาว 18 ปี ที่ถูกทำร้าย เตรียมส่งตัวตรวจร่างกายเพิ่ม ว่าเข้าข่ายพยายามฆ่าหรือไม่? เหยื่อแฉถูกบุกทำร้ายจนเจ็บ พร้อมโยนเงิน 4 พันให้ไปหาหมอหวังปิดปาก แถมไม่สลดส่งแชตมาข่มขู่ ยันเอาเรื่องให้ถึงที่สุด

5.ศธ.เร่งประสาน มท.-ตร. ร่วมตรวจตรา รร. แทนครูเวร

เพิ่มพูน ลุยมาตรการดูแลความปลอดภัยโรงเรียน เร่งประสาน มหาดไทย และ ตร. ร่วมตรวจตราโรงเรียนแทนครู คล้ายมาตรการ “ฝากบ้านกับตำรวจ” พร้อมติดตั้งกล้องวงจรปิด ชง ครม.ของบจ้างภารโรงเพิ่ม

ก้าวไกลเห็นด้วยยกเลิกครูเวร จี้ทำเป็นเอกสารให้ชัด ลั่น คำสั่งการนายกฯ ลบล้างมติครม.ไม่ได้ เพราะยังไม่พบในเอกสาร หวั่นทำครูสับสน แนะตั้งงบประจำในการเพิ่มภารโรง

6.รวบแก๊งปลอมเพจ “ดร.นิเวศน์” ลวงนักลงทุน สูญ 286 ล้าน

ตำรวจไซเบอร์ รวบแก๊งปลอมเพจ “ดร.นิเวศน์” นักลงทุนชื่อดัง ทำเป็นกระบวนการ หลอกลงทุนหุ้นต่างประเทศ ผลตอบแทนสูง เหยื่อลงเชื่อเพียบ สูญเงินกว่า 286 ล้านบาท ดร.นิเวศน์ตัวจริงย้ำไม่เคยชวนลงทุน ใครเจอเพจแบบนี้แจ้งความทันที

7.ผลตรวจแอลกอฮอล์ในเลือด คนขับรถเก๋งชนกู้ภัยวัย 13 พุ่งทะลุ 200 มก.


เปิดผลตรวจแอลกอฮอล์ในเลือด คนขับรถเก๋งชน น้องทู กู้ภัยวัย 13 ปี เสียชีวิต พุ่งปรี๊ดทะลุ 200 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ตำรวจแจ้งข้อหาหนัก ขับรถในขณะเมาสุรา ชนผู้อื่นเสียชีวิต พ่อเรียกค่าเสียหาย 1 ล้าน แต่ยังตกลงกันไม่ได้

8. สองคนร้ายลักเสื้อผ้าซักตู้หยอดเหรียญ พอถูกแฉวงจรปิด งัดการ์ดป่วยจิตเวช

ร้านซักผ้าหยอดเหรียญสุดทน! โพสต์วงจรปิดจับภาพ 2 สามีภรรยา บุกขโมยเสื้อผ้าจากเครื่องแล้วเผ่นหนี พอเรื่องแดงให้คนส่งเสื้อผ้ามาคืน อ้างคนเอาไปป่วยจิตเวช จำเสื้อผ้าตัวเองไม่ได้เลยหยิบผิด เจ้าของร้านจวก ถ้าป่วยจริงขอให้ญาติดูแลให้ดี แม้พฤติกรรมชี้ตั้งใจขโมย



เรื่องเล่าการเมือง

-พิธา รอด! ศาลรัฐธรรมนูญ ชี้ไอทีวี ไม่ได้ประกอบกิจการสื่อ


ประเด็นใหญ่ทางการเมืองเมื่อวาน คือ ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า นายพิธา ไม่พ้นสมาชิกภาพ สส. จากกรณีการถือหุ้นไอทีวี เนื่องจากไอทีวีไม่ได้ประกอบกิจการสื่อ

โดยองค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้ใช้เวลาประมาณ 40 นาที ในการอ่านคำวินิจฉัยคดีที่ กกต. ยื่นคำร้องกรณีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ถือหุ้นไอทีวี ว่าจะทำให้พ้นจากสมาชิกภาพ สส.หรือไม่ โดยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้อ่านคำวินิจฉัยไล่ไปทีละประเด็น ซึ่งก็ต้องบอกว่าในประเด็นการวินิจฉัยแรก ๆ ของศาลรัฐธรรมนูญ หลายคนก็อาจจะคิดว่านายพิธาไม่น่าจะรอด

ประเด็นแรก เรื่องการถือหุ้นไอทีวี ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญ ก็ชี้ว่า นายพิธา ถือหุ้นไอทีวีอยู่จริงในวันที่ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น สส. ที่นายพิธา มีชื่ออยู่ลำดับที่ 1 ในบัญชีรายชื่อผู้สมัคร สส.ระบบบัญชีรายชื่อของพรรคก้าวไกล

ประเด็นที่สอง เรื่องการครอบงำกิจการของบริษัทไอทีวี

-ประเด็นนี้นายพิธา ต่อสู้ว่า การถือหุ้นดังกล่าวไม่ได้มีอำนาจเข้าไปครอบงำกิจการของบริษัทไอทีวี เนื่องจากถือหุ้นเพียง 42,000 หุ้น จาก 1,200 ล้านกว่าหุ้น คิดเป็น 0.00348% เท่านั้น

-ขณะที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญที่กำหนดไม่ให้นักการเมืองถือหุ้นสื่อ เพราะไม่ต้องการให้เป็นช่องทางในการใช้สื่อเพื่อแสวงประโยชน์ โดยไม่ได้กำหนดว่าจะต้องมีกี่หุ้น ดังนั้นแม้จะถือหุ้นเพียงหุ้นเดียวก็ถือว่าถือหุ้น และเป็นข้อห้ามตามรัฐธรรมนูญ

ประเด็นที่สาม ในวันสมัคร สส. นายพิธา เป็นเจ้าของหุ้นเองหรือไม่

-นายพิธา สู้ว่าเป็นการถือหุ้นในฐานะผู้จัดการมรดก ไม่ใช่หุ้นของตัวเอง

-แต่จากการพิจารณาเอกสารข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ศาลรัฐธรรมนูญ ลงความเห็นว่า นายพิธา เป็นเจ้าของหุ้นด้วย โดยแม้นายพิธาจะได้รับมอบหมายให้เป็นผู้จัดการมรดก แต่ในอีกด้าน นายพิธา ก็เป็นทายาทที่มีสิทธิในมรดกทั้งหมดที่เกิดขึ้น รวมถึงหุ้นไอทีวีด้วย แต่คำวินิจฉัยชี้ขาดอยู่ที่ประเด็นที่ 4 ว่า บริษัทไอทีวียังประกอบกิจการสื่ออยู่หรือไม่

กรณีนี้ทาง กกต.อ้างตามวัตถุประสงค์การประกอบกิจการของบริษัทไอทีวี และเห็นว่าบริษัทไอทีวียังประกอบกิจการสื่ออยู่ ขณะที่นายพิธา ต่อสู้ว่า บริษัทไอทีวีถูกยกเลิกสัญญาในการประกอบการกิจการสื่อตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคม 2550 และยกความเห็นของนายคิมห์ สิริทวีชัย ประธานประชุมสามัญผู้ถือหุ้นปี 2566 ที่ยืนยันว่าปัจจุบันไอทีวีไม่ได้ประกอบกิจการสื่อ และ ไม่ได้มีรายได้จากการดำเนินกิจการเกี่ยวกับสื่อ

ในประเด็นนี้ ศาลรัฐธรรมนูญ เห็นว่า การพิจารณาว่าประกอบกิจการสื่อหรือไม่ ไม่สามารถพิจารณาจากวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งบริษัทเพียงอย่างเดียว แต่จะต้องพิจารณาการดำเนินกิจการตามวัตถุประสงค์ควบคู่ไปด้วย

โดยศาลเห็นว่า ไอทีวีไม่ได้ประกอบกิจการสื่อตั้งแต่ถูกสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี บอกเลิกสัญญา เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2550 ไม่ได้มีรายได้จากธุรกิจสื่อ และบริษัทไอทีวีฯ ยังได้แจ้งไปยังสำนักงานประกันสังคมด้วยว่า ได้หยุดกิจการชั่วคราว ตั้งแต่ 8 มีนาคม 2550 จนถึงปัจจุบัน

นอกจากนี้ศาลฯยังได้ระบุถึงคำพูดของนายคิมห์ ที่ระบุว่า ไม่ยืนยันว่าบริษัทจะประกอบกิจการสื่ออีกหรือไม่ หากชนะคดี ก็จะต้องตัดสินใจอีกที และสุดท้ายแม้ไอทีวีจะชนะคดีที่ยังอยู่ในศาลปกครองสูงสุด ก็ไม่ได้มีผลให้บริษัทไอทีวีฯ ได้รับมอบคลื่นความถี่คืน

ศาลรัฐธรรมนูญจึงสรุปว่า การถือหุ้นของนายพิธา จึงไม่มีลักษณะต้องห้าม และสามารถลงสมัครเลือกตั้งได้ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด จึงวินิจฉัยว่า สมาชิกภาพ สส.ของนายพิธา ไม่สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้จากเอกสารข่าวของศาลรัฐธรรมนูญ ระบุว่า ศาลฯมีมติโดยเสียงข้างมาก 8 ต่อ 1 ในการวินิจฉัยดังกล่าว โดยมีรายงานว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างน้อย 1 คน คือ นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ว่าที่ประธานศาลรัฐธรรมนูญ



-พิธา เปิดใจ หลังรอดคดีหุ้นไอทีวี ลั่นพร้อมกลับเข้าสภาฯ

ส่วนนายพิธา ถึงแม้ว่าจะมีใบหน้าที่ยิ้มแย้มหลังฟังคำวินิจฉัยของศาล แต่เจ้าตัวบอกว่า "รู้สึกเฉย ๆ " หลังรอดคดี และบอกว่า พร้อมกลับเข้าสภาฯ ทำหน้าที่เต็มที่

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้เดินลงมาจากศาลรัฐธรรมนูญ ก่อนเดินฝ่าวงล้อมสื่อมวลชน และผู้ที่สนับสนุน ก่อนเปิดใจต่อสื่อครั้งแรกว่า

รู้สึกปกติเหมือนกับทุกวัน เฉย ๆ จะเดินหน้าทำงานเพื่อประชาชนต่อไป ภารกิจแรกคงแถลงแผนงานประจำปีของพรรคก้าวไกล ตามที่ได้รับมอบหมายจากนายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล และเตรียมลงพื้นที่ต่อไป

ส่วนจะกลับเข้าสภาฯ เมื่อใด ให้คณะกรรมการประสานงานพรรคร่วม (วิป) หารือกับประธานสภาฯ อีกครั้ง ยืนยันว่า เมื่อเข้าสภาฯ จะทำหน้าที่ผู้แทนราษฎรให้เต็มที่สมกับที่รอ

ส่วนการปรับเปลี่ยนคณะกรรมการบริหารพรรคหลังจากคำวินิจฉัยนี้ พิธา กล่าวว่า ไม่น่าเป็นผลเกี่ยวข้อง เพราะกรรมการบริหารพรรคก้าวไกลจะครบวาระ 4 ปี ไม่เกี่ยวข้องกับรูปคดีของวันนี้ ยืนยันไม่มีการเสนอเปลี่ยนตำแหน่งหัวหน้าพรรค

ขณะที่ นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ตอนนี้ต้องประสานงานกับทางสภาก่อน ว่านายพิธาจะกลับเข้าไปทำหน้าที่ได้วันไหน

ส่วนการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญวันที่ 31 มกราคมนี้ ในคดีใช้นโยบายหาเสียงล้มล้างการปกครอง นายชัยธวัช กล่าวว่า ไม่ต้องกังวลอะไร ให้รอฟังและอยู่กับปัจจุบัน แล้วหวังว่าผลจะออกมาเป็นบวก ส่วนพร้อมสละตำแหน่งหัวหน้าพรรคคืนให้นายพิธาหรือไม่ นายชัยธวัช ยืนยันว่าไม่มีปัญหา เพราะตนไม่ได้ยึดติดกับตำแหน่งอยู่แล้ว

ขณะที่เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ว่าที่ ร.ต.ต.อาพัทธ์ สุขะนันท์ ระบุว่า หลังศาลมีคำวินิจฉัยดังกล่าว นายพิธา ก็สามารถเข้ามาทำหน้าที่ได้ตามปกติ ดูตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ถือว่า มีผลตั้งแต่อ่านคำวินิจฉัยแล้ว นายพิธาสามารถเดินกลับเข้ามาลงชื่อและเข้าห้องประชุมสภาฯ ได้ทันที สำหรับเงินเดือน สส.ของคุณพิธานั้น ก็จะดำเนินการย้อนหลังให้



-ถวิล ร้อนใจ ยื่นป.ป.ช. จี้อัยการ อุทธรณ์คดีฟ้องยิ่งลักษณ์

ส่วนการเมืองที่น่าสนใจอีกเรื่องเมื่อวาน นายถวิล เปลี่ยนสี ระบุว่า ยื่นป.ป.ช. ให้ ประสานไปยังอัยการสูงสุด ยื่นอุทธรณ์ คดีฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ กรณีโยกย้ายไม่เป็นธรรม ก่อนครบกำหนด วันที่ 26 ม.ค.นี้ ก็ยืนยันว่า ไม่ต้องการเอาชนะหรือเจ็บแค้น แต่อยากให้ขั้นตอนกฎหมายไปให้ถึงที่สุด

เมื่อวานนี้ นายถวิล เปลี่ยนศรี สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะอดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ แถลงข่าวถึงการยื่นเรื่องขอให้อัยการสูงสุด ยื่นอุทธรณ์ กรณีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษายกฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในการแต่งตั้งโยกย้ายไม่เป็นธรรม ก็บอกว่า ตนร้อนใจเพราะใกล้วันสิ้นสุดการยื่นอุทธรณ์ คือ 26 ม.ค.นี้ ซึ่งย้ำว่าไม่ได้ต้องการเอาชนะ หรือเจ็บแค้น แต่เมื่อกฎหมายเขียนไว้ ก็อยากให้เรื่องไปถึงที่สุด

นายถวิล บอกว่า ได้ยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช. ในฐานะองค์กรที่นำเรื่องดังกล่าวมาไต่สวน ชี้มูลและนำมาสู่การฟ้องร้อง ให้ประสานไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการในเรื่องนี้ต่อไป เพื่อรักษากระบวนการยุติธรรมให้เป็นที่พึ่งของประชาชน



-นายกฯ รับเห็นต่างผู้ว่าฯแบงก์ชาติ ย้ำเศรษฐกิจวิกฤต

นายกฯ ตอบคำถามประเด็นร้อนกรณีที่ผู้ว่าฯแบงก์ชาติ ให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ ชี้ชัดว่าเศรษฐกิจไทยไม่วิกฤต ก็ย้ำว่าเป็นความเห็นต่าง และบอกว่า รัฐบาลเตรียมหามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ใช่แค่เงินดิจิทัลวอลเล็ตอย่างเดียว

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พูดถึงกรณีที่นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ ชี้ชัดว่าเศรษฐกิจของไทยยังไม่มีวิกฤติ ว่า เป็นความเห็นต่าง ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาของสังคม

นักข่าวถามว่า ขณะนี้นโยบายการเงินการคลัง ไม่สอดประสานกัน อาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน ท่านนายกฯ ยอมรับว่า มีเห็นต่างบ้าง และต้องพูดคุยกัน ซึ่งทุกคนมีหน้าที่ ตนก็มีหน้าที่หามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ" ก็บอกว่า จะมีนโยบายอื่นที่ออกมาด้วย ไม่ใช่แค่เรื่องดิจิทัลวอลเล็ตอย่างเดียว

เมื่อวานนี้ นักข่าวยังถาม กรณีตัวเลขของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ที่คาดการณ์ จีดีพีของไทยในปี 2566 เติบโตเพียง 1.8 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งมีเอกสารหลุดออกมาก่อนหน้านี้ ซึ่งท่านนายกฯ บอกว่า แม้ตนจะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แต่ก็ไม่เคยขอเอกสารอะไรมาดูก่อน และย้ำว่า สศค. มีอิสระในการทำตัวเลข และ ต้องให้เกียรติผู้อำนวยการ สศค.ด้วย ก็บอกว่า ตนไม่อยากสร้างวาทกรรมใหม่ว่าเศรษฐกิจวิกฤติหรือไม่ เพราะยืนยันตลอดเวลาว่าเศรษฐกิจไม่ดี และอยู่ในขั้นวิกฤต


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/JANZoyeaMug


คุณอาจสนใจ

Related News