สรุปข่าว
เรื่องเล่าหน้าหนึ่ง 15 ส.ค.66 เปลี่ยนเกณฑ์เบี้ยผู้สูงอายุ-ปดิพัทธ์ โพสต์คราฟต์เบียร์-ค้นบ้านชายลักเด็ก
โดย thichaphat_d
15 ส.ค. 2566
59 views
1.ค้นบ้านชายลักเด็ก พบหลักฐานใหม่ จ่อรื้อคดีน้องต่อ
2.DSI รวบนักศึกษาขายคลิปสยิว ผงะเจอกว่า 5 พันไฟล์
3.พบชายติดเชื้อ HIV ป่วยฝีดาษวานร เสียชีวิตรายแรกในไทย
4.กระบะแต่งซิ่ง มุดแซง โรลส์-รอยซ์ พลาดชนท้าย
5.ธัญญ่า อาร์สยาม สุดช้ำ โดนแม่อ้างชื่อทักยืมเงิน
เรื่องเล่าการเมือง
-คกก.ไต่สวน กกต. ชงยกคำร้องพิธา ชี้ไม่ผิด ม.151
ความคืบหน้าคดีที่ กกต. กำลังตรวจสอบคุณสมบัติของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กรณีถือหุ้นไอทีวี ล่าสุด ผลสอบในชั้นคณะกรรมการไต่สวนเห็นควรให้ยกคำร้อง
รายงานข่าวจาก สำนักงาน กกต. แจ้งว่า ผลสอบที่คณะกรรมการไต่สวนดำเนินการสืบสวนไต่สวน เพื่อดำเนินคดี ตามมาตรา 151 กับนายพิธา กรณีรู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิสมัครแต่ยังฝ่าฝืนลงสมัครรับเลือกตั้ง เป็น สส. นั้น
คณะกรรมการไต่สวน เห็นควรว่าให้ยกคำร้อง ด้วยเหตุผลว่า การดำเนินการตามมาตรา151เป็นคดีอาญาที่ต้องมีพยานหลักฐานชัดเจน
ทั้งนี้คณะกรรมการไต่สวนได้สรุปสำนวนและเสนอรายงานไปยังเลขาธิการ กกต.ซึ่งได้มอบรองเลขาธิการ กกต.เพื่อดำเนินการส่งสำนวนดังกล่าว ให้คณะอนุกรรมการวินิจฉัยคำร้องและปัญหาหรือข้อโต้แย้งพิจารณา ตามที่ระเบียบกกต.ว่าด้วยการสืบสวน การไต่สวนและการวินิจฉัยชี้ขาด 2563 กำหนด ก่อนที่จะเสนอให้ กกต.ชุดใหญ่ วินิจฉัย
-ก้าวไกล - ไทยสร้างไทย ประสานเสียง ค้านเปลี่ยนเกณฑ์เบี้ยผู้สูงอายุ
เรื่องการเปลี่ยนเกณฑ์รับเบี้ยผู้สูงอายุที่ให้เฉพาะคนจน เมื่อวานพรรคก้าวไกลและพรรคไทยสร้างไทยออกมาแสดงจุดยืนคัดค้าน บอกเรื่องนี้ควรเป็นสวัสดิการถ้วนหน้า ไม่ควรต้องมีใครมาพิสูจน์ความจน และตั้งคำถามกับการดำเนินการเรื่องนี้ในช่วงที่เป็นรัฐบาลรักษาการ
นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการเปลี่ยนแปลงเกณฑ์การรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุโดยจะให้เฉพาะคนจนว่า พรรคก้าวไกลไม่เห็นด้วย เพราะสวัสดิการควรจะเป็นสิทธิ์ของทุกคน ไม่ใช่การสังคมสงเคราะห์ที่จะต้องมาพิสูจน์ความจน ซึ่งที่ผ่านมาการพิสูจน์ความจนมีปัญหามาก ทำให้มีคนตกหล่นจากการพิสูจน์ความจน
การปรับนโยบายเรื่องสวัสดิการที่เป็นเรื่องใหญ่กระทบกับคนจำนวนมาก ไม่ควรทำในช่วงที่ยังไม่มีรัฐบาลใหม่ เห็นว่า เมื่อรัฐบาลใหม่ไม่ว่าใครจะเป็นนายกรัฐมนตรี คงจะต้องเร่งทบทวนเรื่องนี้
ขณะที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย โพสต์เฟซบุ๊กคัดค้านเรื่องนี้ โดยระบุว่าเป็นการทำลายหลักการรัฐสวัสดิการแบบถ้วนหน้า แต่จะตอกย้ำระบบรัฐสงเคราะห์ที่เลือกให้เฉพาะคนจน หรือคนอนาถา ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ และหลักสากล
แต่เป็นระบบที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถนัดนั่นคือการเลือกปฏิบัติ และสร้างบุญคุณในฐานะการช่วยเหลือ เช่น บัตรคนจน หรือเงินอุดหนุนบุตร เป็นต้น ทั้งที่จริงมันคือสวัสดิการที่รัฐพึงจัดหาให้แก่ประชาชนผู้เสียภาษีทุกคนอยู่แล้ว
แนวคิดเช่นนี้นอกจากจะสะท้อนปัญหาว่ารัฐบาลหาเงินไม่ได้ ใช้เงินไม่เป็น จนต้องมาตัดจำนวนผู้ได้รับลดเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุไปอีกกว่า 6 ล้านคนด้วยการเพิ่มเงื่อนไขการรับเงินแล้ว ยังลดทอนคุณค่าความเป็นมนุษย์ของพลเมืองไทย ถ้าอยากได้เงินเพียงเดือนละ 600-1,000 บาทก็ต้องไปยืนยันตัวตนว่าเป็นคนจนทั้งที่เป็นสิทธิที่ทุกคนควรได้รับการดูแลจากรัฐ
-อนุพงษ์ แจงต้องรอ คกก.ผู้สูงอายุ ออกระเบียบเบี้ยผู้สูงอายุ
รัฐมนตรีมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ ชี้แจงว่า เกณฑ์เบี้ยผู้สูงอายุใหม่ที่ออกมา ยังต้องรอระเบียบของคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติก่อน ตอนนี้ยังไม่มีการทำอะไร ถาม "คนอย่างผมซึ่งได้บำนาญ 6 หมื่นกว่าบาทควรได้เบี้ยผู้สูงอายุหรือไม่"
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ชี้แจงว่า เรื่องเกณฑ์การให้เงินดูแลผู้สูงอายุ เป็นเรื่องของกระทรวง พม. โดยมีคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติเป็นผู้พิจารณา แต่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นผู้จ่าย กระทรวงมหาดไทยจึงต้องออกหลักเกณฑ์ให้ ซึ่งต้องสอดคล้องกับที่คณะกรรมการผู้สูงอายุฯกำหนด ตอนนี้ต้องรอระเบียบของคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติก่อนว่าจะให้จ่ายอย่างไร
ซึ่งเรื่องนี้สืบเนื่องมาจากกรณีที่มีปัญหาว่าองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจ่ายเงินให้ทุกคน แต่กรมบัญชีกลางทักท้วงมาว่า คนที่มีรายได้จากส่วนอื่นของรัฐจะรับเบี้ยผู้สูงอายุอีกไม่ได้ จึงต้องมีการแก้ไขว่าจะทำอย่างไร
ส่วนที่มีเสียงโต้แย้งว่าเรื่องการรับเบี้ยผู้สูงอายุไม่ควรจะต้องพิสูจน์ความจน พล.อ.อนุพงษ์ บอกว่า เรื่องนี้มีวิธีคิดหลายแบบ และถามกลับว่า "ถ้าคนอย่างผมได้ด้วย คุณว่ายุติธรรมหรือไม่ ผมเป็นข้าราชการเกษียณแล้ว มีบำนาญ 6 หมื่นกว่าบาท ผมควรได้ไหม"
ขณะที่นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกรัฐบาล ชี้แจงว่า หลังกระทรวงมหาดไทยออกหลักเกณฑ์แล้ว จะต้องมีการออกระเบียบกำหนดรายละเอียดการจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุอีกโดยคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ สำหรับผู้สูงอายุที่ได้รับเงินเบี้ยยังชีพอยู่ก่อนวันที่ระเบียบใช้บังคับ จะยังมีสิทธิ์รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุต่อไป ขออย่ากังวล
ยืนยันว่า เรื่องนี้มีการพิจารณามาอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่ "ลักไก่" ทำในช่วงรัฐบาลรักษาการ และไม่ใช่เพราะรัฐบาล " ถังแตก" แต่ เพื่อความมั่นคงทางการคลังระยะยาว และไม่ใช่ทำเพื่อรัฐบาลนี้ แต่ทำเพื่อรัฐบาลต่อไปด้วย
นอกจากนี้ เกณฑ์ใหม่ยังจะแก้ปัญหาเรื่องการรับเงินซ้ำซ้อนด้วย คือ จะพิจารณาเรื่องรายได้ที่พอเพียงต่อการดำรงชีพเป็นหลัก หากรับผลประโยชน์อื่นจากรัฐ เช่น เบี้ยหวัด หรือบำนาญแล้ว แต่ไม่เพียงพอต่อการยังชีพก็สามารถรับเบี้ยผู้สูงอายุได้อีก
ยืนยันว่า ไม่ใช่การลดทอนคุณค่าความเป็นมนุษย์ของพลเมืองไทย แต่เป็นเรื่องของการใช้งบประมาณให้เกิดประโยชน์สูงสุด ภายใต้ข้อจำกัดของงบประมาณ จึงต้องการพุ่งเป้าช่วยเหลือกลุ่มคนที่มีความจำเป็นและเดือดร้อนกว่า
-โซเชียลติง ปดิพัทธ์ โพสต์อวดคราฟต์เบียร์ พิษณุโลก
กรณีของนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่งหลังจากเมื่อวานนี้ โพสต์ภาพโชว์ คราฟต์เบียร์ จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก ล่าสุดเจ้าตัวชี้แจงแล้ว
หลังโพสต์เรื่องนี้ออกไปมีคนเข้าไปคอมเมนต์จำนวนมาก ส่วนหนึ่งให้กำลังใจ ขณะที่บางส่วนเข้ามาติติง ว่าเป็นถึงรองประธานสภาฯ ต้องรู้นะว่ามีกฎหมายห้ามโฆษณา เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ทั้งนี้ตามพระราชบัญญัติ ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 มาตรา 32 ระบุ ห้ามมิให้ผู้ใดโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือแสดงชื่อหรือเครื่องหมายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อันเป็นการอวดอ้างสรรพคุณหรือชักจูงใจให้ผู้อื่นดื่มโดยตรงหรือโดยอ้อม หากฝ่าฝืน จำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกิน ห้าแสนบาท
อีกคนที่ออกมาตำหนิ นายปดิพัทธ์ คือ นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ บอกว่าโพสต์ ของ นายปดิพัทธ์ มีข้อความหรือพฤติการณ์ที่เป็นการอวดอ้างสรรพคุณหรือชักจูงใจให้คนอื่นอยากจะดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ดังกล่าว ซึ่งเป็นหลักกฎหมายใช้บังคับกับทุกคน
ส่วนนายปดิพัทธ์ สันติภาดา ก็ชี้แจงยืนยันว่า ตนเองไม่ได้ทำร้ายใคร ที่โพสต์ก็เพราะมีความภาคภูมิใจมากที่ผลิตภัณฑ์ของชาวพิษณุโลก อาจจะมีคนเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย แต่เพราะ พ.ร.บ. ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มันเลยทำให้ การทำสุราชุมชนหรือการทำคราฟต์เบียร์ ในท้องถิ่น ถึงไม่กล้าโฆษณาไง
นักข่าวถามย้ำว่า ไม่กังวลใช่หรือไม่ หากมีคนไปร้องนายปดิพัทธ์ บอกว่า ก็ร้องทุกเรื่องอยู่แล้ว เรื่องใหญ่ๆ ไม่เคยร้อง เรื่องคุณสมบัตินาฬิกา พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี, ยาเสพติด ผู้ต้องหาอะไรไม่เคยมีใครร้อง แต่ก็มาร้องเรื่องเล็ก ไม่เห็นเป็นสาระเลย
รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/Ob-UTpUzyUc
แท็กที่เกี่ยวข้อง เรื่องเล่าหน้าหนึ่ง ,เรื่องเล่าการเมือง ,ข่าวการเมือง ,สรุปข่าว