สรุปข่าว

เรื่องเล่าหน้าหนึ่ง 23 ก.พ.66 พิธาเคลียร์ใจปิยบุตร-ล่าแท็กซี่เชิดช่อดอกไม้5หมื่น-ลุงแจ้ โดนพรากผู้เยาว์

โดย thichaphat_d

23 ก.พ. 2566

64 views

-บิ๊กโจ๊ก เค้นสอบนิ่ม ตามหาตัวน้องต่อ ชี้คดีใกล้จบ แจ้งข้อหา นายพุด พาภรรยาตัวเองขายบริการให้เพื่อนพ่อ – ลุงแจ้ไม่รอดถูกข้อหาพรากผู้เยาว์ นิ่ม ยอมรับ กุเรื่องชายเสื้อเหลืองอุ้มเด็ก แต่ไม่ยอมรับว่าเอาลูกไปไว้ไหน ไปทำอะไรหรือให้ใครเลี้ยงดู การค้นหาวันนี้ พบ “เศษกระดูก – เสื้อผ้าในกระสอบ” เจ้าหน้าที่เข้าสอบเชื่อมโยงน้องต่อหรือไม่ ด้าน นายพุด รุดดูยันไม่ใช่ลูก

-รองผู้การตำรวจไซเบอร์ ส่งฟ้อง เกียร์ แรปเปอร์ ร้องเพลงโฆษณา “มาเก๊า 888” ข้อหาชักชวนให้เล่นพนัน ส่วน 2 พริตตี้สาวไม่ถูกแจ้งข้อหา เพราะไม่เข้าข่าย เป็นเพียงถูกจ้างให้เต้นแบบไม่มีเพลงประกอบ และทั้ง 3 คนให้การตรงกัน นายบิ๊กที่จ้าง ไม่ใช่ 1 ใน 4 พี่น้องตระกูล บ. ศาลสั่งจำคุก แรปเปอร์ 1 เดือน ปรับ 1,000 บาท รับจ้างแต่งเพลง – ทำ MV โปรโมทเว็บพนัน แต่ ให้รอลงอาญาไว้ 1 ปี

-เจ้าของร้านดอกไม้ แอ่นอกรับผิดชอบ คืนเงินค่าช่อดอกไม้เงินสด 5 หมื่นบาท ให้ลูกค้าสาว ที่ถูกแท็กซี่ไรเดอร์ เซอร์ไพร์สกลับเชิดของหนี ประกาศขอเป็นเจ้าทุกข์ แจ้งความเอาผิดคนขับ พร้อมนำวงจรปิดตอนมารับช่อดอกไม้ให้ตำรวจ สน.บางเสาธง

-แซน วิศาพัช รอด! อัยการสั่งไม่ฟ้องคดีที่ หนิง ปณิตา ฟ้องหมิ่นประมาท กรณีให้สัมภาษณ์ที่ สน.ท่าข้าม แซนรับไม่เคยกังวลตั้งแต่แรก แค่เหนื่อยและอยากให้ทุกๆคดี ตั้งแต่ แตงโม ยัน หมิ่นประมาท จบลงโดยเร็ว มั่นใจในความบริสุทธิ์ของตัวเอง

-ปิดตำนานคู่รัก TikTok สาวกะเหรี่ยง นั่งรถทัวร์จาก แม่สอด มาหาผู้บ่าวที่จังหวัดอุดรธานี แต่ฝันสลาย ฝ่ายชายโกหกมีบ้านมีรถ แถมเจ้าชู้ หึงหวงหนัก ขอมีเพศสัมพันธ์บ่อยครั้ง ทั้งอึด ทั้งทน หนักเข้าก็มาคุมการใช้โซเชียล และโมโหร้าย ทำร้ายร่างกาย และทำโทรศัพท์พัง ร้องเพจดังช่วยพาหนีกลับบ้านเกิด แม่เลี้ยงผู้บ่าว รับลูกเจ้าชู้มีหญิงติดพันหลายคน ชื่นชมสาวกะเหรี่ยงน่ารัก เคารพผู้ใหญ่ เห็นใจที่ถูกกระทำแบบนี้ แต่ตนบังคับลูกชายไม่ได้



เรื่องเล่าการเมือง


-ในที่สุดก็เคลียร์ใจกันแล้ว การเปิดศึกฟาดวิวาทะเดือด ระหว่างนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า กับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล

นี่เป็นภาพ ที่เกิดขึ้นช่วงค่ำเมื่อวานนี้ นายพิธา คุณปิยบุตร และนายธนาธร กอดคอร้องเพลง กันอย่างชื่นมื่น หลังนายพิธา และนายปิยบุตร เคลียร์ใจกัน ซึ่งนายปิยบุตรก็กล่าวขอโทษ บรรดาสมาชิกพรรคก้าวไกลที่ทำให้มีเรื่องไม่สบายใจเกิดขึ้นด้วย

โดยก่อนหน้านี้ทั้งนายพิธา และนายปิยบุตร ยังได้โพสต์ภาพคู่กอดคอด้วยกัน ซึ่งนายพิธา บอกว่า ได้คุยกับอาจารย์ปิยบุตรแล้วปรับความเข้าใจกันได้ด้วยดี มีแนวทางการทำงานไม่เหมือนกันเป็นเรื่องปกติ แต่สุดท้ายก็ยังมีอุดมการณ์ และความฝันเดียวกัน

ส่วนนายปิยบุตรก็ระบุว่า ยังคงสนับสนุนให้นายพิธา นำพาพรรคก้าวไกลสู้ในสนามการเลือกตั้งต่อไป และขอโทษที่สร้างความกังวลใจที่ผ่านมา จนทำงานกันอย่างยากลำบาก

หลังเคลียร์ใจกันได้ บรรดาแฟนคลับ และสมาชิกพรรคต่างก็เข้าไปคอมเมนต์ดีใจกันจำนวนมาก

อย่างไรก็ตามทั้งสองคนยังไม่ได้ลบโพสต์ก่อนหน้าที่ฟาดวิวาทะกัน ซึ่งถ้าย้อนกลับไป เรื่องนี้เริ่มจากที่นายพิธา โพสต์ความในใจ ในโอกาสครบรอบ 3 ปี การยุบพรรคอนาคตใหม่ เมื่อวันที่21 ก.พ. ที่ผ่านมา และมีการแท็กไปถึงนายปิยบุตรด้วย

โดยนายพิธา ตั้งข้อสังเกตถึงการโพสต์ของนายปิยบุตร ที่มักจะติติงพรรคก้าวไกลหลายครั้ง เปรียบเสมือนพรรคก้าวไกลกำลัง "เข็นครกขึ้นภูเขา" สู้กับอำนาจรัฐ อำนาจทุน แต่คุณปิยบุตร กลับปล่อยเขื่อน ให้น้ำไหลออก ซัดครกที่พวกเราเข็นอย่างเหน็ดเหนื่อย จนบางทีเราลืมไปแล้วว่าศัตรูตัวจริงคือใคร

โพสต์ดังกล่าว นายพิธายังเรียกร้องให้นายปิยบุตร ทบทวนตัวเอง "เลิกมือไม่พายเอาเท้าราน้ำ" กลับมาช่วยกันเท่าที่กฎหมายอนุญาตด้วย

ทางด้านนายปิยบุตร ก็เข้าไปคอมเมนต์ใต้ โพสต์ของนายพิธา และโพสต์ผ่านหน้าเฟซบุ๊ก ตอบโต้กลับอย่างดุเดือด โดยมองว่าสิ่งที่นายพิธาโพสต์เป็นการ "เอาดีเข้าตัว เอาชั่วให้ตนเอง”

นายปิยบุตร ระบุว่า สิ่งน่ารังเกียจยิ่งกว่า คือ การเขียน"ขาวเป็นดำ เขียนดำเป็นขาว" เขียนเหมือนนายพิธาเป็นพระเมสสิอาห์กอบกู้พรรค ส่วนตนเองต้องกลายเป็นพวกทำลายพรรค

อย่างไรก็ตามคาดว่าปัญหาทั้งหมด เป็นผลมาจากความกดดัน ที่นายปิยบุตร โพสต์วิจารณ์พรรคก้าวไกล มาอย่างต่อเนื่อง ถึงปัญหาด้านต่างๆเพื่อหวังจะให้เกิดการแก้ไข


-กรณีของนายพิธา และนายปิยบุตร ยังมีความเห็นของนายรังสิมันต์ โรม พรรคก้าวไกลเชื่อทั้งหมดเกิดจากความปรารถนาดีต่อกัน

ส.ส.รังสิมันต์ โรม มองว่า สิ่งที่เกิดขึ้น เพราะนายปิยบุตร ต้องการเห็นพรรคก้าวไกลประสบความสำเร็จในการเลือกตั้ง ส่วนนายพิธา ก็คาดหวังให้นายปิยบุตร ทำในส่วนอื่นที่เป็นประโยชน์ต่อการเคลื่อนไหวประชาธิปไตย

แม้บางถ้อยคำอาจจะดูรุนแรง ซึ่งถ้ามองในแง่บวกทั้งหมดคือการถกเถียง ไม่ได้ทำให้เกิดความแตกแยกในพรรคได้ และท้ายที่สุดการพูดคุยกันก็คือทางออก


-เมื่อวานมีนักการเมืองอีกคนที่โดนศาลพิพากษาตัดสิทธิรับเลือกตั้งตลอดชีวิต ไม่สามารถกลับมาเล่นการเมืองได้อีก คือ อดีตรัฐมนตรีช่วยกนกวรรณ วิลาวัลย์ จากพรรคภูมิใจไทย

คดีนี้สืบเนื่องมาจากกรณีที่ ป.ป.ช. (คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ) มีมติเมื่อเดือนกรกฎาคม ปีที่แล้ว ว่า นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ จากพรรคภูมิใจไทย บุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ในเขต จ.ปราจีนบุรี

และต่อมา ป.ป.ช.ได้ร้องต่อศาลฎีกา ให้ดำเนินคดีกับนางกนกวรรณ ในข้อหาฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง และ ขอให้ศาลสั่งให้พ้นจากตำแหน่งด้วย

ในการพิพากษาคดีเมื่อวาน ศาล ระบุว่า จากการที่ศาลได้สืบพยาน และรวบรวมหลักฐานมาประกอบการพิจารณา พบว่า นางกนกวรรณ ให้ถ้อยคำอันเป็นเท็จต่อเจ้าหน้าที่ผู้ตรวจสอบสวนสิทธิ

จึงถือเป็นบุคคลที่ไม่มีคุณสมบัติที่จะออกโฉนดที่ดินได้ตามกฏหมาย ทำให้การออกโฉนดที่ดิน ฉบับดังกล่าว ของกรมที่ดิน ไม่ชอบด้วยกฏหมาย เป็นการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของความเป็นรัฐมนตรีและความน่าเชื่อถือ ก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรง ตามมาตรฐานจริยธรรม

จึงพิพากษาว่านางกนกวรรณ ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย

-ให้พ้นจากตำแหน่ง รมช.ศึกษาธิการ ตั้งแต่ 26 ส.ค. 65 (วันที่ศาลฎีกาสั่งให้หยุดปฎิบัติหน้าที่)

-เพิกถอนสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้งตลอดไป

-ไม่มีสิทธิ์ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

-เพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้ง 10 ปี

เมื่อวาน นางกนกวรรณ ไม่ได้เดินทางมาฟังคำพิพากษาด้วยตนเอง แต่ส่งทนายความมา

ทั้งนี้นางกนกวรรณถือเป็นนักการเมืองรายที่ 3 ที่โดนศาลฎีกาพิพากษาว่าทำผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิต ก่อนหน้านี้คือจากนางสาวปารีณา ไกรคุปต์ อดีต ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ที่โดนตัดสินจากคดีรุกพื้นที่ป่า และนายอนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ อดีต ส.ส.มุกดาหาร พรรคเพื่อไทย จากคดีเรียกรับผลประโยชน์จากอธิบดีกรมน้ำบาดาล

ขณะที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ระบุว่า น้อมรับคำพิพากษาของศาล ซึ่งทางพรรคคงไม่เสนอบุคคลเข้าไปเป็นรัฐมนตรีแทนนางกนกวรรณเนื่องจากอายุงสภาเหลืออีกไม่นาน ทั้งนี้นางกนกวรรณ จะยังช่วยงานการเมือง ช่วยดูแลพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี เหมือนเดิม เพียงแต่ไม่ได้ลงเลือกตั้งเท่านั้น


-พล.อ.ประยุทธ์ ลงพื้นที่ตรวจราชการในฐานะนายกรัฐมนตรีอีกแล้ว ท่านไปที่ จ.จันทบุรี และ จ.ระยอง ส่วนเรื่องยุบสภาท่านบอกพร้อม 500% แต่ไม่อยากเลือกตั้ง

ระหว่างลงพื้นที่เมื่อวาน นายกฯ ได้ปล่อยสโลแกนใหม่ซึ่งมีรายงานว่านายกฯเป็นผู้คิดขึ้นมาเอง คือ "ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ"

โดยนายกฯได้พูด 3 คำนี้ระหว่างพูดคุยหยอกล้อกับชาวบ้าน และช่วงที่ขึ้นกล่าวบนเวทีก็ย้ำคำนี้ด้วย ซึ่งมีรายงานว่า ต่อไปนายกฯจะใช้ 3 คำนี้ เป็นสโลแกนในการหาเสียงด้วย

หลังเสร็จภารกิจที่ระยอง ผู้สื่อข่าวถามถึงความพร้อมในการยุบสภา นายกฯบอก เมื่อทุกกลไกพร้อมก็สามารถยุบสภาได้ ส่วนตัวนายกฯ พร้อม 500 เปอร์เซ็นต์แล้ว

เมื่อถามต่อว่า อยากเลือกตั้งแล้วใช่หรือไม่ นายกฯ บอก ไม่อยาก ก่อนจะบอกว่า อย่าเพิ่งเอาอะไรมาใส่หัวมาก ทะเลาะเบาะแว้ง เลือกตั้ง ก็วุ่นอีก



รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/hgjdYOpLID4

คุณอาจสนใจ

Related News