ภายหลังทางการเกาหลีใต้ยืนยันมีผู้รอดชีวิต เพียง 2 ราย เจ้าหน้าที่พบร่างผู้เสียชีวิตครบทั้งหมด 179 ราย เป็นลูกเรือ 4 ราย และผู้โดยสาร 175 ราย โดยในจำนวนนี้เป็นคนไทย 2 รายได้แก่ น.ส.จงลักษณ์ อายุ 45 ปี เดินทางกลับไปทำงานที่เกาหลีใต้ และ น.ส.สิริธร หรือ “น้องเหมย” อายุ 22 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ซึ่งกำลังเดินทางไปเยี่ยมแม่ที่ประเทศเกาหลีใต้
น.ส.บุญสิตา หรือ นาง อายุ 18 ปี หลานสาวของน.ส.จงลักษ์ ได้นำข้อความแชตทางเฟซบุ๊กที่น.ส.จงลักษ์ ซึ่งเป็นอาให้ผู้สื่อข่าวดู เป็นช่วงเวลา 23.50 น. โดยน.ส.จงลักษ์ ได้ทักมาหาน.ส.บุญสิตา มีข้อความว่า “นอนหรือยัง แม่กลับก่อนเด้อ” โดยหลานสาวได้ตอบกลับไปว่า “กำลังสินอนมื่ออื่นเฮ้ดโรงทาน เดินทางปลอดภัยจ้า”
ต่อมาวันนี้เวลา 10.23 น. น.ส.บุญสิตาได้ทักไปกลับไปว่า “ฮอดไป่แม่จง เขาคือว่าเครื่องบินระเบิด” และหลานสาวพยายามโทรหาแต่ก็ไม่มีใครรับสาย
โดยหลานสาว เปิดเผยกับนักข่าวด้วยน้ำตาคลอ บอกว่า ตอนเช้าไม่เห็นติดต่อกลับมา หนูก็เลยเอะใจ จึงโทรไปหาแต่ไม่มีการตอบกลับ จึงรู้ว่าอาเป็นหนึ่งในผู้เสียชีวิตในเครื่องบินลำที่ลื่นไถลรันเวย์ หนูกับคุณอาสนิทกันมาก โทรคุยกันทุกวัน โดยอาก็อยากจะวนไปทำงานด้วย แต่หนูเพิ่งอายุ 18 ปี พวกหนูญาติ ๆ ก็อยากได้ศพอามาบำเพ็ญที่บ้านเกิด
ขณะเดียวกัน นายราชันย์ ซุนฮั้ว ผวจ.อุดรธานี พร้อมด้วย พ.ต.อ.สรายุทธ ฉ่ำผิว ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี ฝ่ายอำเภอและเจ้าหน้าที่พมจ.อุดรธานี ได้เดินทางไปเยี่ยมให้กำลังใจครอบครัวของผู้เสียชีวิต โดยจะประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในด้านการช่วยเหลือเยียวยาและประสานนำศพกลับมาบำเพ็ญกุศลที่บ้านตามความประสงค์ของญาติ
ต่อมานายภาณุมาศ จิตรวศินกุล หรือเฮียเปี๊ยก ได้โทรศัพท์ไปหานายชราวุธ สามีของน.ส.จงลักษ์ ที่จ.พิจิตรเพราะตอนแรกคิดว่าเป็นอดีตสามีของน.ส.จงลักษ์ เพราะเห็นว่าน.ส.จงลักษ์ไปจดทะเบียนกับหนุ่มเกาหลี จึงถามไปว่า ตอนนี้ยังติดต่อกันอยู่ไหม นายชราวุธก็บอกว่า ผมกับน.ส.จงลักษ์ไม่ได้เลิกกัน ไปเอาข่าวมาจากไหนว่าเราเลิกกัน ตอนนี้ก็ยังคบกันเป็นสามีภรรยากันอยู่มีลูกด้วยกัน 2 คนแต่ไม่ได้จดทะเบียนกันเท่านั้น
ซึ่ง ผมและภรรยาก็ยังคงติดต่อพูดคุยติดต่อกันเหมือนเดิม ยืนยันหนักแน่นไม่ได้เลิกกันแต่อย่างใด เฮียเปี๊ยกฯ จึงถามต่อว่า อ้าวไม่ได้เลิกกันแต่ทำไมแฟนไปจดทะเบียนกับหนุ่มเกาหลีใต้ นายชราวุธก็บอกว่ารู้ว่าภรรยาไปจดทะเบียนสมรสคิดว่าจะได้ทำงานที่เกาหลีอย่างสะดวก ผมเองก็ไม่รู้ว่าข่าวมาจากไหนว่าเราสองคนไม่ได้เลิกกัน
ขณะที่ ญาติของ น.ส.สิรินธร หรือน้องเหมย ซึ่งได้รับทราบเรื่องจากเจ้าหน้าที่และข่าวสารต่างก็มีความเศร้าโศกเสียใจกันเป็นอย่างมาก เนื่องจาก น.ส.สิรินธร ไม่ได้เดินทางไปทำงานหรือท่องเที่ยว แต่กำลังจะเดินทางไปหาผู้เป็นมารดา ซึ่งมีครอบครัวและทำงานอยู่ที่ประเทศเกาหลีใต้
น้าชายเปิดเผยว่า ก่อนที่เครื่องบินจะประสบอุบัติเหตุผู้เป็นมารดาได้เดินทางไปรออยู่ที่อาคารที่พักผู้โดยสารของท่าอากาศยานมูอินด้วย ซึ่งระหว่างมารอรับก็ทราบว่าเครื่องที่น้องนั่งมามีปัญหา แต่ก็ไม่คิดว่าจะหนักขนาดนี้ ตอนนั้นก็ยังไม่ตกใจ จนมาเห็นข่าว เห็นภาพ ก็ไม่ได้กล้าบอกใคร แม้กระทั่งแม่ของน้อง จนกระทั่งแม่มาทราบข่าวจากทางสนามบิน ทำให้แม่ช็อกไปเลย และทางสายการบินจะส่งตั๋วมาให้ครอบครัว เพื่อเดินทางไปรับร่างของน้อง นำกลับมาประกอบพิธีทางศาสนา
น้องเหมยถือเป็นความภูมิใจของครอบครัว เพราะเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ ซึ่งไม่ค่อยมีใครได้ไปเรียนต่อถึงระดับมหาวิทยาลัย แต่น้องเรียนเก่งจนสอบชิงทุนไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยได้ น้องมีความฝันว่าเรียนจบอยากเป็นแอร์โฮสเตร ซึ่งอีกเพียง 3 เดือนก็จะเรียนจบแล้ว
สำหรับ น.ส.สิรินธร เป็นคนเรียนหนังสือเก่งตั้งแต่เด็กโดยหลังจากจบการศึกษาระดับประถมศึกษาในพื้นที่ ได้ไปเรียนต่อในระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนแม่สายประสิทธิ์ศาสตร์ อ.แม่สาย จ.เชียงราย และขณะอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/5 ก็สามารถสอบชิงทุนเข้ารับการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา ในสาขาวิชาการจัดการธุรกิจสายการบิน คณะมนุษศาสตร์และการจัดการท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ในรอรับตรง ทำให้ทางโรงเรียนมีการประกาศเกียรติคุณให้ด้วย กระทั่งเหลืออีกเพียงไม่กี่เดือนก็จะเรียนจบ แต่กลับมาประสบกับเหตุน่าเศร้าดังกล่าว
ขณะที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.แม่สรวย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต่างเดินทางไปให้กำลังใจกับครอบครัวของ น.ส.สรินธร ส่วนทางญาติได้จัดเตรียมสถานที่สำหรับเตรียมจัดพิธีทางศาสนาซึ่งก็ยังไม่ชัดเจนว่าจะเป็นเมื่อไหร่และอย่างไร โดยแต่ละคนต่างรอคอยฟังข่าวสารจากทางประเทศเกาหลีใต้และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอยู่
ด้านนายแพทย์วัชรพงษ์ คำหล้า นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย สั่งการให้ทีมเยียวยาจิตใจ (MCATT) อำเภอแม่สรวย โดย นายแพทย์วนิรุทธ์ หอเจริญ ผู้อำนวยการ รพ.แม่สรวย, นายวิสูตร์ เสน่หา สาธารณสุขอำเภอแม่สรวย และเจ้าหน้าที่ในสังกัด เพื่อให้การพยาบาลดูแลเยียวยาจิตใจ และแสดงความเสียใจต่อญาติผู้สูญเสียจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกในประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งมีคนไทยจากจังหวัดเชียงรายอยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าว ได้แก่ นางสาวสิริธร จะอื่อ (อายุ 22 ปี) อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 150 หมุ่ที่ 16 ตำบลท่าก๊อ อ.แม่สรวย จังหวัดเชียงราย จุดประสงค์การเดินทางเพื่อไปเที่ยวหามารดาที่อาศัยอยู่ที่ประเทศเกาหลีใต้ ผู้เสียชีวิตเดิมอาศัยอยู่บ้านเลขที่ดังกล่าว พร้อมด้วยตาอายุ 75 ปียายอายุ 70 ปี มีพี่น้องร่วมกัน 2 คน โดยผู้เสียชีวิตเป็นพี่สาวคนโต และกำลังศึกษาที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ หลักสูตรแอร์โฮสเตท ชั้นปีที่ 4 และใกล้จะจบการศึกษา โดยในวันพรุ่งนี้ 30/12/67 ทางญาติโดยน้าชายและน้องชาย 2 คน จะเดินทางไปประเทศเกาหลีใต้เพื่อไปติดตามสถานการณ์
สำหรับการดำเนินงานของทีม MCATT วันนี้ เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจำนวน 12 ราย, ประเมิน ST5 ผลเครียดสูง จำนวน 12 ราย, การให้คำปรึกษา/แนะนำ 12 ราย, การรักษาด้วยยา จำนวน 2 ราย, ผู้ที่ได้รับผลกระทบต้องติดตามเป็นพิเศษ 2 ราย (ตากับยาย) ,ในส่วนของมารดาผู้เสียชีวิตที่อยู่ที่เกาหลีใต้ ได้ให้ญาติช่วยติดต่อแนะนำรับฟังระบายความรู้สึกให้กำลังใจ
แผนการดำเนินขั้นต่อไป ส่งต่อผู้ที่ได้รับผลกระทบเข้ารับการรักษาและติดตามเยี่ยมอาการโดย รพ.แม่สรวย จัดทีมสาธารณสุขในพื้นที่ ร่วมกับ อสม.ดูแลเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดต่อไป
ขณะที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ โพสต์ร่วมแสดงความเสียใจและร่วมไว้อาลัย “น้องเหมย” นางสาวสิรีธร จากเหตุการณ์เครื่องบินโดยสาร Jeju Air Flight 2216 และส่งกำลังใจให้กับครอบครัวผู้สูญเสียจากเหตุการณ์ครั้งนี้