สังคม

'เจ๊อ้อย' เข้าให้ปากคำวันที่ 4 นานกว่า 10 ชั่วโมง ยันเอาผิด 'ทนายตั้ม' ให้ถึงที่สุด

โดย panisa_p

5 พ.ย. 2567

40 views

ตำรวจกองปราบปรามยังสอบเพิ่มเติม นางจตุพร อุบลเลิศหรือ เจ๊อ้อย เป็นวันที่ 4 หลังแจ้งความดำเนินคดีกับทนายตั้ม โดยยืนยันว่าไม่ได้โอนเงินให้นายษิทรา เบี้ยบังเกิดหรือทนายตั้มด้วยความเสน่หา ขณะที่วันนี้ทนายตั้มได้เดินทางมากองปราบปราม โดยไม่ได้มีหมายเรียก และโต้ว่าเป็นหนังคนละม้วน



วันนี้ ตำรวจกองปราบปรามยังคงสอบสวน นางจตุพร อุบลเลิศ หรือเจ๊อ้อย เป็นเวลานานกว่า 9 ชั่วโมง และเพิ่งเสร็จสิ้นเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา โดยนางจตุพร ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ไม่ได้โอนเงินให้ทนายตั้มโดยเสน่หา และต้องการดำเนินคดีข้อหาฉ้อโกงหรือยักยอก อันมีลักษณะเป็นปกติธุระ



ขณะที่นาย ษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ เดินทางที่มายังกองบังคับการปราบปราม โดยไม่ได้แจ้งสื่อล่วงหน้า ยืนยันว่าไม่ได้หลบหนีไปไหน แต่เมื่อเช้าเห็นตำรวจไปบริเวณหน้าบ้าน รู้สึกไม่สบายใจจึงเดินทางมาที่กองปราบปราม เพื่อพบตำรวจ โดยไม่ได้มีหมายเรียก และได้ตอบคำถามสื่อมวลชน เรื่องการโอนเงิน 71 ล้าน และ 39 ล้าน รวมทั้งรถเบนซ์ที่ถูกกล่าวหาว่าเอาไปให้กลุ่มจีนเทาเช่า โดยเฉพาะเงิน 39 ล้านบาท ยืนยันว่าตนและคนที่ชื่อนุกับสา ไม่ได้ร่วมกันหลอกลวงเจ๊อ้อยและข้อเท็จจริงที่ปรากฏตามสื่อมวลชนนั้น เป็นหนังคนละม้วน เหตุที่เกิดขึ้นเพราะเจ๊อ้อยได้พูดคุยผ่าน IG กับดาราจีน ชื่อเฉินคุน และคิดว่าเป็นแอคเคาน์ดาราจีนจริง



โดยก่อนหน้านี้เจ๊อ้อยเคยโอนเงินจากที่ฝรั่งเศสให้บัญชีดังกล่าวมาก่อน และต่อมาเจ๊อ้อย ต้องการจ้างดาราจีนคนนี้มาออกงานที่ไทย แต่ต้องโอนเงินเป็นบิตคอยน์ ตนไม่เชี่ยวชาญ จึงให้นุ และสา ซึ่งเป็นรุ่นน้องที่สนิทกันและเชี่ยวชาญเรื่องเงิน bitcoin มาช่วย เนื่องจากบัญชี account ดาราคนดังกล่าวอ้างว่า หากจะจ้างต้องจ่ายเป็นเงิน bitcoin เจ๊อ้อยจึงเป็นคนประสานงานกับทั้งสองคนและจ่ายเงินเป็นค่าจ้างเองถึง 2 ครั้ง โดยครั้งแรกอ้างว่าโอนไปแล้วเงินมีปัญหาและครั้งที่ 2 พบว่าต้องเข้าบัญชีของบอดี้การ์ด เลยทำให้เริ่มเอะใจ พบบัญชี account ที่มาดามอ้อยติดต่อนั้น เป็นบัญชีสแกมเมอร์ไม่ใช่ดาราคนจีน นอกจากนี้ ยังทราบอีกว่าดาราจีนคนดังกล่าวเข้าปฏิบัติธรรมอยู่ในป่า โดยทนายตั้มอ้างว่า ตนได้เตือนมาดามอ้อยเรื่องนี้ไปแล้ว แต่มาดามอ้อยไม่สนใจและยังโอนเงินไปอีก 5 ล้าน



ส่วนเงิน 71 ล้าน ทนายตั้มบอกว่า สาเหตุที่เรียกเจ๊อ้อยมาสอบปากคำหลายครั้ง เพราะการให้ปากคำไม่ตรงกับพยานหลักฐานที่มีหรือเปล่า วอนตำรวจอย่าให้ถูกใช้เป็นเครื่องมือ เนื่องจากข้อมูลที่เจ๊อ้อยบอกมา ไม่ตรงกับความจริง ตอนนี้พร้อมที่อยากจะเปิดหลักฐานต่างๆ ทั้งการโอนเงิน แชทไลน์ และพยานบุคคล ให้กับพนักงานสอบสวนพิจารณา และจนถึงวันนี้ยืนยันว่า เงิน 71 ล้าน เป็นการให้โดยสเน่หา ไม่ได้ฉ้อโกงแน่นอน จากนั้นทนายตั้มเข้าไปลงบันทึกประจำวัน ที่ศูนย์รับแจ้งความ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยใช้เวลาแค่ 15 นาที จากนั้นกลับทันที โดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์สื่ออีก บอกว่าขอให้รักษากฎระเบียบด้วย เบื้องต้นตำรวจได้นัดวันเข้ามาให้ปากคำแล้ว จะแจ้งนักข่าวอีกครั้ง

คุณอาจสนใจ

Related News