สังคม

ครอบครัวแรงงานไทยเศร้า หลังรู้ข่าวร้าย เผยสามีจำเป็นต้องกลับไปทำงานรอบ 2 เพราะมีหนี้สิน เป็นเสาหลักครอบครัว

โดย gamonthip_s

1 พ.ย. 2567

7.8K views

วันที่ 1 พ.ย. 67 หลังเจ้าหน้าที่อิสราเอลรายงานข่าวว่า มีกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ได้ยิงจรวดโจมตีเข้ามาในภาคเหนือของอิสราเอล ทำให้มีผู้เสียชีวิต 7 ราย ในนิคมเกษตรกรรมใกล้กับเมืองเมตูลาและเมืองไฮฟาว่า ในจำนวนนี้มีแรงงานไทย ทำงานในสวนแอปเปิ้ลใกล้กับเมืองชายแดนเมตูลา เสียชีวิต 4 ราย



ข่าวดังกล่าวสร้างความตกใจให้กับครอบครัวของนายประหยัด อายุ 42 ปี บ้านหนองพลวง ต.ลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ หนึ่งใน 4 ของผู้เสียชีวิตที่ได้รับรายงาน มีนายยศ อายุ 70 ปี, นางรน อายุ 70 ปี พ่อแม่ผู้เสียชีวิต, นางสุลาภรณ์ อายุ 45 ปี พี่สาว และน.ส.ประไพ อายุ 40 ปี ภรรยานายประหยัด



โดยบรรยากาศที่บ้าน มีชาวบ้านและญาติพี่น้องที่ทราบข่าว เดินทางแสดงความเสียใจ พร้อมทั้งผูกแขนให้กำลังใจครอบครัวนายพิลาศเป็นระยะ ซึ่งครอบครัวยังรับกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้



ด้าน น.ส. ประไพ ภรรยานายประหยัด เล่าว่า ก่อนหน้านั้นสามีเคยไปทำงานที่อิสราเอลมาแล้ว 1 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 64 จากนั้นเกิดเหตุสู้รบทางการให้เดินทางกลับไทย เมื่อวันที่ 25 ต.ค.66 หลังจากนั้นนายจ้างคนเดิม ได้ประสานมาให้ไปทำงานต่อ ตนกับครอบครัวไม่อยากจะให้ไปเพราะอันตราย แต่หนี้สินยังมีอยู่ สามีจึงตัดสินใจเดินทางไปอีกครั้ง โดยการกู้เงินเพิ่มจากของเดิมอีก 50,000 บาท รวมเป็น 150,000 บาทของหนี้ทั้งหมด คราวนี้เดินทางไปเมื่อวันที่ 25 ธ.ค.66



น.ส.ประไพ เล่าด้วยว่า ระหว่างไปทำงานสามีจะโทรศัพท์ติดต่อกันทุกวัน และมักจะเอาคลิปที่น้องชายสามีถ่ายไว้ส่งมาให้ดู บอกว่าระเบิดลอยข้ามหัวอยู่ตลอดเวลา และเมื่อประมาณ 3 วันที่ผ่านมา ตนฝันว่ามีเลือดท่วมตัวของตัวเองพยายามเช็ดแต่ไม่ออก ตื่นเช้ามาไม่ยอมบอกใคร เดินทางไปสะเดาะเคราะห์ที่วัดทันที เพราะคิดว่าตัวเองมีเคราะห์สุดท้ายกลายเป็นสามีที่รับเคราะห์แทน



น.ส.ประไพ เล่าต่ออีกว่า ตอนนี้ครอบครัวยังมีหนี้สิน ทั้งธนาคารที่กู้ไปทำงาน และค่างวดรถที่ค้างอีกกว่า 300,000 บาท ตอนนี้อยากได้ร่างของสามีกลับมาบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด



ด้านนายอำนาจ เข็มเพชร รักษาราชการแทนแรงงานจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า หลังทราบข่าวเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานได้เดินทางมาให้กำลังใจครอบครัวผู้สูญเสีย และเพื่อเดินเรื่องต่างๆที่ครอบครัวมีความประสงค์ รวมถึงค่าเยียวยาอื่นๆที่จะทำให้รวดเร็วที่สุด ส่วนศพจะต้องได้รับการประเมินจากทางอิสราเอลก่อนว่าจะใช้เวลากี่วันที่จะส่งมา ขึ้นอยู่กับสภาพศพว่าจะต้องตรวจอัตลักษณ์กี่วัน



ทั้งนี้เบื้องต้นครอบครัวผู้เสียชีวิตจะได้รับเงินจากกองทุนช่วยเหลือคนไปทำงานต่างประเทศครั้งแรกจะได้รับ 15,000 บาท เงินกองทุนเยียวยา 50,000 บาท นอกจากนี้ยังจะได้เงินสถาบันเงินจากกองทุนประกันภัยแห่งชาติอิสราเอลจะเป็นเงินค่าจัดการศพประมาณ 70,000 บาท มีเงินค่าฝังศพอีก 50,000 บาท รวมถึงได้รับเงินค่าเป็นหม้ายของภรรยาอีก 70,000 บาท ยังไม่รวมเงินช่วยเหลืออื่นๆอีก ซึ่งกระทรวงแรงงานจะรวบรวมอีกครั้ง

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ