นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของบอสพอล พาพนักงาน “ดิไอคอนกรุ๊ป” 6 คน ไปลงบันทึกประจำวันที่ สน.พหลโยธิน หลังเมื่อวานนี้ (22 ตุลาคม 2567) ตำรวจได้เข้าค้นหาพยานหลักฐานในคดีเพิ่มเติมทั้งหมด 11 จุด ก่อนคุมตัวพนักงานมาสอบปากคำที่กองปราบฯ ตั้งแต่เวลา 12.00 - 20.00 น. พร้อมยึดโทรศัพท์ทุกคนไปตรวจสอบทั้งหมด 10 เครื่อง ไม่ให้ติดต่อใคร แต่ได้คืนกลับมาเพียง 7 เครื่อง จึงมองว่าการปฏิบัติหน้าที่ของทางตำรวจครั้งนี้ เป็นการลิดรอนสิทธิเสรีภาพของพนักงานที่เข้ามาสอบปากคำในฐานะพยานเท่านั้นหรือไม่
นายวิฑูรย์ เปิดเผยว่า หลังจากเมื่อวานนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าบุกค้น 11 จุด พร้อมตรวจยึดทรัพย์สิน ซึ่งเป็นจุดสำคัญทั้งนั้น อย่างบริษัทฯ ส่วนตัวเข้าใจและไม่ได้มีประเด็นอะไรกับการปฏิบัติหน้าที่ของทางตำรวจ เพราะมีเอกสารหมายค้น ถือเป็นการทำหน้าที่
แต่เรามองว่าเรื่องที่สำคัญที่สุดคือการถูกลิดรอนสิทธิเสรีภาพของพนักงานทั้ง 10 คน ทั้งระดับพนักงานฝ่ายบุคคล , ผู้การจัดการทั่วไป ไปจนถึงเลขาฯ ของบอสต่างๆ รวมถึงน้องสาวของบอสพอล ถูกเชิญตัวไปสอบปากคำต่อโดยที่ไม่มีหมายนั้น ถูกต้องหรือไม่ และสุดท้ายก็มาเขียนหมายตรงนั้น ก่อนเอาตัวเข้ามาสอบปากคำที่กองปราบฯ พร้อมยึดโทรศัพท์ และปิด ไม่ให้ติดต่อกับคนภายนอก หรือถ้าจะติดต่อกับคนภายนอกต้องเปิดสปีกเกอร์โฟนไว้ ซึ่งมองว่าเริ่มเกินเลยจากที่เคยทำกันอยู่หรือไม่ และมันเกินเส้นกฎหมายไปหรือไม่ โดยส่วนตัวเข้าใจว่าเป็นการทำตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา และเราเองก็ไม่อยากจะไปแจ้งความดำเนินคดี ม.157 กับทางตำรวจที่ทำหน้าที่เมื่อวานนี้
วันนี้จึงมาลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐานสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ไม่ได้อยากดำเนินคดีอาญากับทางตำรวจ เพราะมองว่าไม่เป็นธรรมกับทางตำรวจ แต่เพียงจะได้ลงเป็นข้อมูลที่ใกล้ชิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ โดยตัวเองเติบโตมาในอาชีพทนายความ ก่อนหน้านี้ใหม่ ๆ ก็เคยอยู่ที่สำนักงานกฎหมายมารุต บุนนาค เป็นลูกศิษย์ของท่านมารุต อาจารย์สอนอยู่เป็นประจำว่า “อย่ารังแกข้าราชการ ผมก็จะไม่รังแกข้าราชการ” เพียงแต่ว่าครั้งนี้ต้องมีการควบคุมดูแลกันนิดหน่อย และใช้ยันในชั้นศาลได้ในอนาคต หากจำเป็นจะต้องดำเนินคดีกับทางตำรวจ
โดยหลังจากเมื่อวานนี้ได้สอบถามทางพนักงานที่ถูกยึดโทรศัพท์ไว้ว่าได้เซ็นยินยอมหรือไม่ ทุกคนบอกว่า เซ็นยินยอม เพราะหากว่าไม่เซ็น ก็กลัวว่าจะไม่ได้กลับบ้าน และยังใช้ตำรวจหลายคนมาบังคับโดยกลาย ซึ่งจากสภาพคนที่ไม่เคยโดนตำรวจเชิญตัวอะไรแบบนี้ จึงได้เซ็นไป
โดยเมื่อวานนี้หลังจากตัวเองได้ให้หลักฐานกับทางบิ๊กเต่าเสร็จ ก็ได้เข้าไปดูพนักงานที่ถูกเชิญมาสอบปากคำ ก็พบว่าแยกสอบแต่ละห้อง แต่เต็มไปด้วยตำรวจ แต่ท่านก็ไม่ได้ทำอะไร เพียงแต่สภาพแวดล้อมการทำหน้าที่ ไม่เอื้อให้เขาได้ตัดสินใจอะไรบางอย่างหรือไม่ แถมยังถูกคุมตัวไว้เป็นเวลานานหลายชั่วโมง มันเกินเรื่องไปหรือไม่ เพราะมาสอบปากคำในฐานะพยานแค่นั้น ไม่ได้เป็นผู้ต้องหาหรือผู้ถูกกล่าวหาเลย
ส่วนเมื่อถามว่าไม่เซ็นได้หรือไม่ นายวิฑูรย์ ย้อนถามกลับว่า “ถ้าไม่เซ็นได้หรือไม่ ถ้าไม่เซ็นจะได้กลับบ้านหรือเปล่า” ทุกคนที่เซ็น เพราะกลัวจะไม่ได้กลับบ้าน ทุกคนจึงมองว่าลักษณะมันคล้าย ๆ การถูกคุกคาม อย่างเลขาฯ บอสปัน เป็นผู้หญิงคนเดียว แต่ถูกตำรวจรายล้อมจำนวนมาก แม้จะไม่ได้ทำอะไร
ส่วนประเด็นที่จะมีการออกหมายจับในล็อต 2 นั้น นายวิฑูรย์ บอกว่า ตัวแม่ทีมส่วนหนึ่ง ตัวเองเข้าใจว่าเป็นการทำหน้าที่ จึงอยากส่งสารไปให้ถึงสำนักงานศาลยุติธรรม ว่า “ช่วยดูแลในเรื่องนี้หน่อยว่าหากมีการดำเนินการออกหมายจับ ขอให้ท่านช่วยพิจารณาโดยละเอียดว่ามีเหตุเพียงพอที่จะออกหมายจับหรือไม่ เพราะตอนนี้หากออกหมายเรียกทุกคนก็พร้อมที่จะเข้าไปให้การ แต่ถ้าออกหมายจับเท่ากับว่าเป็นการลิดรอนสิทธิเสรีภาพ ในการต่อสู้คดี และชี้แจงตัวเอง เพราะต้องเอาเขาไปขังไว้ในเรือนจำ เรามองว่ามันไม่โอเค”
เมื่อถามถึงเมื่อวานนี้เจ้าหน้าที่ DSI เข้าไปยึดทรัพย์สินของทางบอสพอลที่ห้องเช่าย่านรามอินทรานั้น นายวิฑูรย์ บอกว่า “ไม่ทราบรายละเอียดว่าห้องเช่าเป็นของใคร เรายังไม่ได้ถามอะไรบอสพอล เพราะคุยกันเพียงแต่คดีกัน แต่ส่วนเรื่องปลีกย่อย ยังไม่ได้พูดคุยกัน รวมไปถึงเรื่องของปลอมที่ถูกเอาไปถ่ายไว้นั้น เชื่อว่าเขาคงไม่คิดอะไรซับซ้อนอะไรแบบนี้หรอก”
ส่วนการดำเนินคดีกับผู้หญิงนักร้องเรียนคนหนึ่งนั้น ในวันพรุ่งนี้จะให้ทีมทนายความไปให้บอสพอล เซ็นหนังสือมอบอำนาจให้ตัวเองดำเนินการเรื่องนี้ ตัวเองไม่ได้เข้าไปเอง เพราะติดงานอื่น ส่วนเวลานั้น ยังไม่ทราบแน่ชัด เบื้องต้นในข้อหากรรโชกทรัพย์ และเรียกเอาทรัพย์ แต่จะเน้นที่กรรโชกทรัพย์เป็นหลัก ยืนยันว่าหลักฐานที่มีเป็นแบบนั้น พร้อมมั่นใจว่ามีหลักฐานที่จะเอาผิดได้ โดยมีคลิปเสียงขนาด 1.86 GB ส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปแล้ว โดยตอนนี้ไม่ขอพูดถึงนักร้องเรียนท่านนี้มาก เพราะอยู่ในกระบวนการของทางตำรวจแล้ว แล้วเมื่อวานจากที่ดูข่าวเขาก็โดนไปเยอะ จึงขอเรื่องนี้กับทางสื่อ
เมื่อถามว่ากรณีคลิปเสียงที่ก่อนหน้านี้ปรากฏเสียงนักการเมือง ส. เรียกรับเงิน เหตุใดตอนนี้ถึงพุ่งเป้าไปที่นักร้องเรียน ก. เพียงคนเดียว นายวิฑูรย์ บอกว่า บอสพอลยืนยันกับตัวเองว่าไม่ได้จ่ายเงินให้กับทาง ส. จึงไม่ได้ดำเนินคดี
ทั้งนี้ตัวเองได้มีการไปหาบอสพอลมาเมื่อวานนี้ บอสพอล ได้เปิดเผยกับว่า “ไม่ต้องกังวลว่าบอสพอลจะออกวันไหน ไม่ต้องมานั่งเครียดว่าจะต้องประกันตัวได้เมื่อไหร่ ให้ตนทำหน้าที่ของตัวเองให้เต็มที่ บอสพอลอยู่ได้”
ขณะที่นางสาวเอ (นามสมมุติ) เป็นหนึ่งในพนักงานของ “ดิไอคอนกรุ๊ป” ที่ถูกตำรวจเชิญตัวไปให้ข้อมูลหลังเข้าค้น 11 จุด ได้เปิดเผยว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ไปเชิญตัวมาให้ปากคำ มีเพียงหมายค้น แต่ไม่หนังสือเชิญตัวแต่อย่างใด โดยหนังสือเชิญตัวถูกเขียนขึ้น ณ จุดเกิดเหตุ จึงทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยในการทำงานของตำรวจ อีกทั้งระหว่างที่ถูกควบคุมตัว มีการบันทึกภาพและวิดีโอไว้ตลอด ซึ่งในมุมของเธอที่เป็นประชาชนก็รู้สึกว่า ตัวเองไม่ใช่ผู้ต้องหา จึงเดินทางเข้ามาบันทึกประจำวันในวันนี้เพื่อเป็นหลักฐาน
ส่วนการสอบถามของเจ้าหน้าที่ตำรวจ นางสาว เอ ระบุว่ามีลักษณะการชี้นำ และถามว่ามีตำแหน่งในบริษัทหรือไม่ ซึ่งเธอก็ได้ตอบไปแล้วว่าเป็นเพียงแค่พนักงานทำงานตามหน้าที่ และเจ้าหน้าที่พูดหว่านล้อมจนทำให้หวาดกลัวตลอดการสืบสวนสอบสวนหลายชั่วโมง ซึ่งมีเจ้าที่พูดกับเธอว่า “วันนี้เป็นพยานพรุ่งนี้อาจจะเป็นผู้ต้องหาก็ได้” ทำให้เธอรู้สึกกลัว และร้องไห้ออกมา
และประเด็นเรื่องการยึดโทรศัพท์ เธอระบุว่ามีการสอบปากคำเธอตั้งแต่เวลา 12.00 - 20.00 น ใช้เวลาทั้งหมด 8 ชั่วโมง และมีการยึดโทรศัพท์ไปตั้งแต่แรก ทำให้ทุกคนไม่สามารถที่จะติดต่อหาทางครอบครัวได้ โดยในเรื่องการเซ็นเอกสารยินยอมนั้น ในเอกสารระบุข้อความกว้าง ๆ ว่า เพื่อความยินยอมให้นำโทรศัพท์ตรวจสอบหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่ได้ระบุว่าเอกสารดังกล่าวจะยินยอมหรือไม่ยินยอมก็ได้ เพราะเป็นสิทธิ์ของพยานทำให้เธอเซ็นไปแต่แรก ขณะเดียวกันเพื่อนบางคนที่เจ้าหน้าที่แจ้งสิทธิ์จึงไม่ได้เซ็นเอกสารดังกล่าว
พร้อมบอกว่าตัวเองทำงานที่บริษัทดิไอคอนกรุ๊ปกับบอสพอลมาได้ 2 ปีก็มีความสนิทสนมกันในฐานะนายจ้างกับลูกจ้างส่วนตัวไม่ทราบระบบในบริษัทดูแลเฉพาะพนักงานหรือฝ่ายบุคคลเท่านั้น และเมื่อถามว่าขณะนี้บอสพอลถูกจับอยู่ภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพ เรื่องเงินเดือนของพนักงานจะได้อย่างไร นางสาวเอ ระบุว่าอย่างที่ทราบว่าบัญชีของบริษัทมีการถูกอายัดไว้ ทำให้ตอนนี้พนักงานทุกคนต้องดูแลช่วยเหลือกันไปเองก่อน และจะให้ทนายความช่วยดูแลในเรื่องของเงินเดือนของพนักงานทั้งหมด
และในช่วงหนึ่งนางสาวเอ กล่าวถึง บอสพอลในฐานะหัวหน้าของตัวเอง ว่าบอสพอลเป็นเจ้านายที่ดีมากๆ รักลูกน้องทุกคนมากๆ พวกเราทุกคนได้รับการดูแลเป็นอย่างดีอยู่กันเหมือนพี่น้อง ให้ความช่วยเหลือตลอด ขณะเดียวกัน ต้องบอกว่าในมุมการทำงานบอสพอลเป็นทั้งอาจารย์ เป็นทั้งครูในการสอนและให้แนวทางในการดำเนินชีวิตสำหรับแต่ละคนว่า “ให้ใช้ชีวิตอย่างมีสติ”
ทั้งนี้ช่วงก่อนที่บอสพอลจะโดนควบคุมตัว บอสพอลยังได้ให้กำลังใจทุกคนอีกด้วย พร้อมบอกว่า เรื่องที่เกิดขึ้นอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ทุกคนอย่าเป็นกังวล ให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม
อย่างไรก็ตามในวันที่ 25 ตุลาคมนี้ ทนายความของบอสพอล จะพาพนักงาน “ดิไอคอนกรุ๊ป” เดินทางไปที่สำนักงานจเรตำรวจ เพื่อให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจสอบสวนกลาง เป็นชุด ปคบ.2 และ ปคบ.3 ว่าเข้าข่ายความผิดหรือตามกรอบอำนาจ ม.157 ฐานผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายผู้ใดผู้หนึ่งหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตหรือไม่ รวมถึงหากมีเวลาจะไปร้องต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติว่ามีการดำเนินการที่นอกกรอบของกฎหมายหรือไม่