เลือกตั้งและการเมือง
ตำรวจ แจง กมธ.กฎหมาย-ความมั่นคงฯ รับจำเลยคดีตากใบ 2 ราย หนีกบดานต่างประเทศ
โดย nutda_t
9 ต.ค. 2567
330 views
คณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน ที่มี นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ สส.นราธิวาส พรรคประชาชาติ เป็นประธาน ซึ่งมีวาระการพิจารณาติดตามผู้ต้องหาคดีตากใบ หลังจากที่ศาลจังหวัดนราธิวาส มีการประทับฟ้อง และออกหมายจับจำเลย 7 คน และอัยการสูงสุด เห็นแย้งกับพนักงานสอบสวน ที่มีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหา 8 คน รวมทั้งหมด 14 คน ซ้ำกับจำเลยเดิม 1 คน โดยในที่ประชุมได้มีตัวแทนจากคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ เข้าร่วมรับฟังการพิจารณาด้วย นอกจากนี้ยังมีการเชิญ ตัวแทนจากโจทก์และตัวแทนผู้ร้องในคดีดังกล่าวคือ นางพรเพ็ญ คงขจรเกียรติ ผู้อำนวยการมูลนิธิผสานวัฒนธรรม มาในฐานะตัวแทนโจทก์ในคดี และได้มีการเชิญ กองทัพบก ผู้อำนวยการ รักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ,สภาความมั่นคงแห่งชาติ , ตำรวจภูธรภาค 9 และอัยการภาค 9 โดยแต่ละหน่วยงานได้ส่งตัวแทนมาชี้แจง
โดยที่ประชุมตัวแทนโจทก์ ได้ขอให้กรรมาธิการติดตามตัวจำเลยในคดีตากใบ หลังศาลนราธิวาสและปัตตานี อนุมัติหมายจับ แต่ยังไม่มีความคืบหน้าของคดี และมีสัญญาณว่าบุคคลที่เป็นจำเลยบางคนออกนอกประเทศไปแล้ว
ด้าน นายวิทยา แก้วภราดัย กรรมาธิการ ได้สอบถามว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ประสานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตม.เกี่ยวกับจำเลย 14 ราย แล้วหรือไม่ พ.ต.อ. รังษี มั่นจิตร ตัวแทนจากตำรวจภูธรภาค 9 แจ้งว่า ได้มีการส่งหมายจับไปยังตม. แล้ว เพื่อตรวจสอบว่าบุคคลตามหมายจับมีการเดินทางออกนอกประเทศหรือไม่ หากตรวจพบก็จะแจ้งมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อประสานไปยังตำรวจอินเตอร์โพล
นายกมลศักดิ์ ได้ถามต่อว่า ตม.แจ้งว่า จำเลยทั้ง 14 ราย ยังไม่ได้เดินทางออกนอกประเทศใช่หรือไม่ พ.ต.อ.รังษี กล่าวว่า เนื่องจากการประชุมวันนี้ไม่ใช่การประชุมลับ จึงไม่สามารถเปืดเผยรายละเอียดได้
แต่ นายกมลศักดิ์ ยังคงยืนยันในคำถามเดิมโดยมองว่า เป็นข้อมูลที่น่าจะเปิดเผยได้ ไม่ได้ลงในรายละเอียดว่าเดินทางออกเมื่อไหร่ ไปที่ใด เพียงอยากรู้ว่ากี่รายเท่านั้น และไม่น่ากระทบกับรูปคดี พ.ต.อ.รังษี จึงชี้แจงเพียงว่ามี 2 ราย แต่ขอสงวนรายชื่อว่าเป็นบุคคลใด
ด้าน น.ส.นิตยา มีศรี สส.พรรคประชาชน ในฐานะกรรมาธิการ สอบถามว่าระหว่างวันที่ 12 กันยายน ที่ศาลอนุมัติหมายจับ ไปจนถึงวันที่ 20 กันยายน มีการประสานกับตม. ถึงการเดินทางออกนอกประเทศหรือไม่ พ.ต.อ.รังษี ชี้แจงว่า ทันทีที่ทราบหมายจับในวันที่ 12 กันยายน ได้ประสานไปยังตม.ทันที แต่ตม.แจ้งกลับมาว่ามีคนเดินทางออกนอกประเทศไปก่อน ที่จะมีการออกหมายจับ 2 ราย
ประธานกรรมาธิการ ยังได้สอบถามต่อ ถึงกระบวนการตรวจสอบเช็กพิกัดสัญญาณโทรศัพท์ และการติดตามตัวนอกเหนือจากการบุกค้นบ้านตามทะเบียนบ้าน พ.ต.อ.รังษี ชี้แจงว่าเราไม่ได้เลือกปฏิบัติ ถ้ามองว่าเราไม่ทำเลย แสดงว่ากับประชาชนเราทำ ยืนยันว่าเรามีการตรวจสอบ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ถิ่นที่อยู่ หรือบุคคลใกล้ชิด อย่ามุ่งเรื่องโทรศัพท์เพียงอย่างเดียว แต่ใช้การติดตามข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ ทุกอย่างใครเป็นคนร้ายทิ้งร่องรอยไว้อยู่แล้ว เหมือนกับกรณีของแป้งนาโหนด ที่ทิ้งร่องรอยเอาไว้จึงตามได้ ถ้าไม่ทิ่งร่องรอยไม่มีวันตามได้
ด้าน นายรอมฎอน ปันจอร์ สส.พรรคประชาชน ในฐานะตัวแทนจากกรรมาธิการความมั่นคงฯ กล่าวว่า สิ่งที่ท่านชี้แจงพยายามจะบอกว่า ตนได้ปฏิบัติตามหน้าที่เพื่อหลีกเลี่ยง การไม่ปฏิบัติหน้าที่ แต่สิ่งที่สังคม อยากรู้คือผู้ต้องหาทั้ง 14 ราย อยู่ที่ไหน จากข้อมูลที่ตนทราบ บุคคลที่หนีออกไปนอกประเทศคนหนึ่ง อยู่ที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ อีกคนอยู่ที่โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ใช่หรือไม่ ทางตำรวจได้พยายามติดตามสื่อสารเพื่อขอตัวแล้วหรือไม่
ขณะที่ น.ส.พรรณิการ์ วานิช ในฐานะที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการความมั่นคงฯ จากการตรวจสอบพบว่า ประเทศอังกฤษ มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน แต่ประเทศญี่ปุ่น ไม่ได้อยู่ในสนธิสัญญาดังกล่าว แต่ไทยสามารถใช้วิธีการเจรจาทางการทูต เพื่อขอให้ส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนได้ ซึ่งที่ผ่านมา ญี่ปุ่นก็ให้ความร่วมมือมาโดยตลอด ดังนั้นหากรัฐบาลมีเจตจำนงที่จะทำ ก็สามารถให้กระทรวงการต่างประเทศ ดำเนินการอย่างเร่งด่วนได้ เพราะตำรวจอังกฤษและญี่ปุ่น มีขีดความสามารถสูง ที่น่าจะจับตัวจำเลยทั้ง 2 คน ที่เป็นบุคคลสำคัญ มียศนายพลทั้ง 2 คน มาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้
พ.ต.อ.รังษี ชี้แจงว่า ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าผู้ต้องหาทั้ง 14 หมายจับอยู่ที่ไหน ส่วนที่ถามว่า ยืนยันหรือไม่ว่ามีผู้ต้องหาหลบหนีไปที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ และโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นนั้น ถือว่าท่านให้เบาะแส ซึ่งทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ส่งเรื่องไปยังอินเตอร์โพล เพื่อขอหมายแดงเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม พร้อมชี้แจงกระบวนการของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่าศาลนราธิวาสได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 6 ราย เมื่อวันที่ 12 กันยายน และมีการลงระบบเพื่อแจ้งให้ตำรวจศาลทราบ ซึ่งไม่ใช่ตำรวจในสังกัดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่เมื่อตำรวจภูธรทราบก็ต้องนำหมายศาลลงไปในระบบ CRIMES หรือ ระบบสารสนเทศ ของตำรวจ
ขณะที่ นายคุณากร มั่นนทีรัย สส.พรรคประชาชนในฐานะกรรมาธิการ กล่าวว่าผู้ต้องหาหลายคน รับราชการทหาร ตำรวจ และมีทหาร 3 คน ที่ยังไม่เกษียณราชการ ซึ่งคนเหล่านี้มีนายทหารติดตาม ได้มีการตรวจค้นบ้านพัก หรือติดตามข้อมูล กับบุคคลเหล่านี้หรือไม่ พ.ต.อ.รังษี ยืนยันว่าได้มีการติดตามตรวจสอบทุกขั้นตอน เส้นทางการเงิน รวมถึงการติดตามสอบสวนและติดตามหาข่าว
ด้าน นางสาวชลธิชา แจ้งเร็ว สส.พรรคประชาชน ในฐานะกรรมาธิการ ได้สอบถามว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการแจ้ง Watch List กับผู้ต้องหาหลังจากที่ศาลประทับรับฟ้องคดีนี้เลยหรือไม่ เพื่อติดตามผู้ต้องหาทั้ง 14 ราย ชี้แจงว่าพ.ต.อ.รังษี ชี้แจ้งว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งตม.ตามระเบียบ แต่ตม.จะดำเนินการ แล้วหรือไม่เราไม่ทราบแต่ระเบียบมีอยู่ ถ้าเจ้าหน้าที่ผิดพลาดก็เป็นเรื่องของตัวบุคคล ขอให้เข้าใจความหมายนี้ด้วย
จากนั้น นางพรเพ็ญ ในฐานะตัวแทนโจทก์ ได้สอบถามอัยการที่เป็นทนายความให้กับจำเลยที่8-9 ด้านตัวแทนอัยการ ได้ชี้แจงว่ากรณีเจ้าหน้าที่รัฐถูกกล่าวหา โดยราษฎรฟ้องอัยการ เรามีสิทธิ์ที่จะเข้าไปรับแก้ต่าง โดยไม่ต้องจ้างทนาย ตามพ.ร.บ. อัยการและพนักงานอัยการมาตรา 14 (4)โดยเหตุผลที่เป็นทนาย เพราะจำเลยทั้ง 2 ราย สังกัดกระทรวงมหาดไทย เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง แต่ส่วนอื่นพนักงานอัยการ ไม่รับแก้ต่าง เพราะเห็นว่ามีข้อเท็จจริงเกี่ยวพันกับสำนวนการสอบสวน
อย่างไรก็ตาม ในช่วงหนึ่งของการประชุม นายวิทยา ได้กล่าวว่า หลังจากดูชื่อ มาถามตรงนี้ก็ไม่ได้อะไรหรอก เพราะคนที่โดนออกหมายจับเป็นผู้บังคับบัญชา ของทุกคนในนี้ ยกเว้นอัยการ ที่ไม่มีผู้บังคับบัญชา แต่ที่เหลือเป็นอดีตผู้บังคับบัญชาทั้งหมด เรื่องนี้หากจะเดินต่อได้ให้ถามรัฐบาล ถามตรงนี้ไม่มีคำตอบ ต่อให้ตอบก็ตอบไม่ถูก เผลอๆบางคนในนี้ ยังไม่รับราชการดี เพราะในผู้ต้องหายศต่ำที่สุดคือ ผู้ว่าราชการจังหวัด ตอนนี้ก็อายุจะ 80 แล้ว และป่วยหนัก
โดยหลังจากพูดจบ นายวิทยา ได้ลุกออกจากห้องประชุมทันที ขณะที่ระหว่างการประชุมห้องประชุมสภาได้มีการเรียกลงมติ ซึ่งที่ประชุมขอพักการประชุม แต่ สส.ของพรรคประชาชน และนายกัณวีร์ สืบแสง สส.พรรคเป็นธรรม บอกว่าการลงมติใช้เวลานาน จึงขอให้ทำดำเนินการประชุมต่อ ขณะที่สส.พรรคอื่นในกรรมาธิการ ได้ลุกออกจากห้องประชุมไปลงมติ โดยในที่ประชุมเหลือเพียงสส.พรรคประชาชน และสส.พรรคเป็นธรรม ที่ดำเนินการพิจารณาต่อ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมญาติผู้เสียหายได้ติดตาม ผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ โดยกล่าวว่า อยากให้เจ้าหน้าที่เร่งจับกุมผู้ต้องการให้ได้ทั้งหมด อยากเห็นและรอความยุติธรรมจากคดีดังกล่าว ขณะที่ทางตำรวจ ก็ได้กล่าวย้ำว่าเร่งรัดการจับกุมอยู่
แท็กที่เกี่ยวข้อง คดีตากใบ