สังคม

แจ้ง 4 ข้อหา คนขับรถบัส ยันพยายามช่วยแล้ว แต่ช่วยไม่ได้ - เจ้าของบริษัทพร้อมเยียวยา ปัดตอบปมถังก๊าซ

โดย nattachat_c

3 ต.ค. 2567

170 views

จากกรณี เหตุสลด 'ไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษา' ของโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม ต.ลานสัก อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี บนถนนวิภาวดี-รังสิต ขาเข้า หน้าอนุสรณ์สถาน ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ส่งผลให้นักเรียน และครู เสียชีวิต 23 ราย และบาดเจ็บ 5 ราย โดยเหตุเกิดช่วงเที่ยง วันที่ 1 ต.ค. 2567


วานนี้ (2 ต.ค. 67) เวลา 19.30 น. นายทรงวิทย์ ชินบุตร เจ้าของบริษัทรถทัวร์นำเที่ยวชินบุตรทัวร์ได้ออกมาจากห้อง ศปก.สภ.คูคต หลังจากที่พนักงานสอบเรียกตัวมาสอบปากคำ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงโดยนายทรงวิทย์ได้มากับทนายความ และครอบครัว


นายทรงวิทย์ ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ตนเองพร้อมเยียวยา ส่วนเรื่องตัวถังก๊าซยังไม่ตอบ และจะร่วมงานศพ โดยยังไม่ขอพูดอะไรตอนนี้ และจะต้องไปศาลก่อน จากนั้น นายทรงวิทย์ ก็นั่งรถเก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า แคมรี่ ขับออกจาก สภ.คูคต ไปทันที


ในวันเดียวกัน ตำรวจภูธรภาค 1 พลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เผยว่า เมื่อคืนหลังจาก นายสมาน คนขับรถ เข้ามอบตัว ที่ สภ.วิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง ก่อนที่จะนำตัวมาดำเนินคดีที่ สภ.คูคต จังหวัดปทุมธานี


ขณะนี้ ยังอยู่ในการควบคุมของตำรวจ โดยนายสมานให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา และขณะนี้ อยู่ระหว่างการสอบสวนถึงองค์ประกอบความผิด รวมทั้งยังต้องสอบสวน  และพิจารณาถึงความผิดของผู้ประกอบการด้วย


โดยวันเกิดเหต ช่วงหลังเกิดเหตุ พยานในที่เกิดเหตุ ระบุว่า ได้ยินเสียงเหมือนยางล้อหน้าระเบิด จนทำให้รถเสียหลัก ชนกับรถที่ขับอยู่บริเวณนั้น ก่อนจะได้ไปชนแบริเออร์ ซึ่งจากการสอบปากคำนายสมาน อ้างว่าได้ยินเสียงลูกสูบของรถดัง แต่ไม่ได้จอดดู และขับรถต่อ จนรถเสียหลักดังกล่าว แสดงให้เห็นว่า คนขับรู้อยู่แล้วว่ารถมีปัญหา แต่ไม่หยุดรถ อพยพผู้โดยสาร และ ตรวจสอบสภาพรถ จึงแสดงให้เห็นถึงความประมาท เลินเล่อ ที่ก่อให้เกิดความสูญเสียร้ายแรง


ขณะที่ ทีมข่าวได้รับรายงานคำให้การของนายสมานว่า ก่อนเกิดเหตุ ได้ขับรถมาตามปกติ แต่ถุงลมโชคระเบิด ทำให้รถเสียหลัก และมีการเสียดสีไปกับพื้นถนน จนไปกระแทกกับแบริเออร์ ทำให้เกิดประกายไฟลุกขึ้นจากหน้ารถอย่างรวดเร็ว


นายสมาน บอกว่า ได้ทำการกดเปิดประตูผู้โดยสาร ทั้งด้านหน้า และตรงกลางรถ แต่ประตูกลับเปิดได้เฉพาะด้านหน้า ตนเองจึงช่วยพาเด็กนักเรียนและครู ลงจากรถตรงประตูด้านหน้า


จากนั้น ได้พยายามเดินมาจะเปิดประตูตรงกลางรถจากด้านนอกรถ เพื่อจะขึ้นไปเปิดประตูฉุกเฉิน ซึ่งต้องเปิดจากด้านใน และช่วยเด็กนักเรียนกับครูที่เหลือออกมา แต่พบว่าประตูตรงกลางตกร่อง อีกทั้ง ไฟได้ลุกไหม้แรงมาก จึงไม่สามารถเปิดประตูขึ้นไปได้ ส่วนถังดับเพลิงในรถ 2 ถัง ก็ถูกไฟไหม้ไป ไม่สามารถเข้าไปเอาได้ จึงเดินไปเอาถังดับเพลิงจากรถคันอื่นมาพยายามดับไฟ


พอช่วยไม่ได้ ตอนนั้นเกิดความกลัว และว้าวุ่น คิดไปว่ากลัวจะโดนรุมประชาทัณฑ์ จึงตัดสินใจหนีไปตั้งหลักโดยนั่งรถตู้จากรังสิตไปหาญาติที่จังหวัดอ่างทอง


นายสมาน ยังยืนยันกับตำรวจด้วยว่า ตนเองมีการตรวจเช็กรถทุกวันก่อนออกเดินทาง โดยขับรถบัสกับบริษัทนี้มา 3 ปีแล้ว และทำอาชีพขับรถบัสมานานกว่า 20 ปีแล้ว


ทั้งนี้ ตอนช่วงบ่าย ที่ สภ.คูคต ตำรวจได้ควบคุมตัว นายสมาน คนขับรถบัสทัศนศึกษาที่เกิดเหตุไฟไหม้ เข้าไปสอบปากคำเพิ่มเติมภายในห้องสอบสวน ซึ่งใช้เวลาสอบปากคำเพิ่มเติมไม่ถึง 1 ชั่วโมง


ต่อมา เวลา 14.00 น. เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนายสมาน ลงไปขึ้นรถควบคุมผู้ต้องขังเพื่อนำตัวไปฝากขังที่ศาลจังหวัดธัญบุรี โดยระหว่างที่ควบคุมตัวไป ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถาม นายสมาน ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยนายสมานยืนยันว่า ก่อนออกรถได้มีการตรวจเช็กสภาพแล้ว และก่อนเกิดเหตุไม่ได้กลิ่นอะไรผิดปกติ


เมื่อถามว่า พอเกิดเหตุแล้ว ได้มีการพยายามจะช่วยเหลือหรือไม่ นายสมาน ตอบว่า ช่วยอยู่ครับ แต่ช่วยไม่ได้ เสียใจเหมือนกัน


เมื่อถามว่า ได้มีการเปิดประตูก่อนจะออกมาจากรถหรือไม่ นายสมาน ตอบว่า เปิดครับ ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ทำไมประตูหลังจึงไม่เปิด นายสมานตอบเพียงว่า ข้างหลังมีเปลวไฟ เข้าไปไม่ได้แล้ว พร้อมยืนยันว่า ตนเองไม่ได้หนี แต่แค่ไปตั้งหลักเพราะตกใจ และที่ไปถึงจังหวัดอ่างทองเพราะเป็นบ้านญาติ สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนเองก็เสียใจและน้อยใจเหมือนกัน ตอนนี้ยอมรับว่าเครียด


ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าพนักงานสอบสวน ได้แจ้งข้อหากับนายสมาน จันทร์พุฒ คนขับรถบัส รวม 4 ข้อหา คือ ข้อหาขับรถประมาทหวาดเสียว ทำให้เกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน / ข้อหากระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย / ข้อหากระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายต่อร่างกายหรือจิตใจ / และข้อหาไม่หยุดช่วยเหลือ ไม่แสดงตนต่อเจ้าหน้าที่


ซึ่งพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างรอผลการตรวจผู้ได้รับบาดเจ็บจากแพทย์ว่าจะต้องมีการแจ้งข้อกล่าว หาเพิ่มเติม ฐานกระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสหรือไม่


เบื้องต้น ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ตำรวจได้นำตัวส่งฝากขังศาลจังหวัดธัญบุรี พนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัวเพราะมีพฤติการณ์หลบหนีตั้งแต่แรก


โดยศาลพิจารณาแล้วอนุญาตรับฝากขัง ต่อมามีญาติและทนายความของผู้ต้องหา ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว


ศาลจังหวัดธัญบุรี ไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว เนื่องจากคดีนี้มีความเสียหายร้ายแรง ผู้ตายส่วนใหญ่เป็นเด็กเล็ก ซึ่งช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ หลังเกิดเหตุผู้ต้องหาไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ เพื่อช่วยเหลือโดยตลอด และไม่แสดงตัวต่อเจ้าพนักงานตำรวจ ประกอบกับผู้เสียหายและพนักงานสอบสวนคัดค้าน หากปล่อยชั่วคราวเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี


ด้านนายเสกสม อัครพันธุ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า ไม่พบค้อนทุบกระจก ซึ่งเป็นอุปกรณ์นิรภัยที่ควรจะมีติดไว้ในรถ


ขณะที่ การแชร์คลิปจากผู้ใช้ TikTok เป็นวิธีเปิดประตูฉุกเฉินในรถบัส โดยมีการเปิดหลายแบบ โดยประตูฉุกเฉินตรงบริเวณด้านหลังรถจะเป็นตัวจับมือบิดออกได้ ส่วนใหญ่จะมีตัวครอบไว้ ต้องเอาตัวครอบออกก่อน ส่วนประตูฉุกเฉินบริเวณกลางรถจะเป็นแบบวาล์ว จะไม่สามารถเปิดได้ จนกว่าจะเปิดตัววาล์วก่อน มีทั้งแบบมีวาล์วในรถกับ เปิดวาล์วจากนอกรถเท่านั้น ส่วนอีกจุดประตูฉุกเฉินแบบเปิดจากหลังคา ให้ใช้มือดันขึ้น


ส่วนประตูฉุกเฉินแบบกระจกนั้นหากจะเปิดต้องให้ใช้ค้อนทุบกระจกให้เป็นรู อย่างน้อย 8 จุด โดยให้มีขนาดที่จะลอดออกไปตามช่องดังกล่าวได้ แล้วใช้เท้าถีบออก ซึ่งหากทุบมั่ว ๆ ก็ไม่สามารถเปิดได้  


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/NwEvPa-vdHU


คุณอาจสนใจ

Related News