เปิดใจ นศ.เหยื่อแก๊งคอลฯ แต่งชุดตร. หลอกจับตัวข้ามแดน ขู่เรียกค่าไถ่จากครอบครัว 5 ล้าน

นักศึกษาที่ตกเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สร้างสถานการณ์ว่า ถูกจับไปเป็นตัวประกันที่ประเทศกัมพูชา และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้เรียกค่าไถ่จากผู้ปกครอง 5 ล้านบาท และตอนนี้ได้รับการช่วยเหลือกลับถึงประเทศไทยแล้ว ล่าสุดได้เปิดเผยว่าถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แอบอ้างเป็นตำรวจโทรมาหลอกว่ามีชื่ออยู่ในเครือข่ายฟอกเงินแก๊งค้ายาเสพติดจนเกิดความกลัวและได้ทำตามคำสั่งของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทุกอย่าง เพราะเชื่อว่าเป็นตำรวจจริง



นักศึกษาที่ได้รับการช่วยเหลือหลังจากถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ นำตัวไปเรียกค่าไถ่ ที่ฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา โดยถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อ้างว่าเป็นตำรวจ โทรศัพท์มาแจ้งว่าพัวพันการฟอกเงินของผู้ต้องหาคดียาเสพติดข้ามชาติ ขณะนี้ตำรวจกำลังตามจับหัวหน้าแก๊งในพื้นที่ ทำให้หัวหน้าแก๊งตามล่าผู้ร่วมขบวนการ ขอให้ทำตามคำสั่งตำรวจโดยออกจากบ้านไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย ตำรวจจะคุ้มครองเอง และต้องเสียบหูคอยฟังคำสั่งจากตำรวจอยู่ตลอดเวลา ด้วยสาเหตุที่นักศึกษาอยู่ต่างประเทศมานาน เพิ่งกลับมาถึงไทย จึงเชื่อว่าเป็นตำรวจจริง ทีติดต่อมาช่วยเหลือประชาชนที่ตกอยู่ในภาวะอันตราย



เมื่อต้องถูกควบคุมตัวจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ปลอมเป็นตำรวจ สั่งให้ไปพักที่โรงแรมในปอยเปต ได้สั่งให้ไปซื้อสีพร้อมอุปกรณ์มาถ่ายคลิป และเปิดเฟสทามม์ โดยตำรวจปลอม อ้างว่าจะส่งไปให้หัวหน้าแก๊งค้ายาดูว่าถูกจับแล้ว จะได้ไม่ถูกตามล่า ทั้งที่ความจริงแก๊งคอลเซ็นเตอร์มีจุดประสงค์จะส่งไปเรียกค่าไถ่จากพ่อแม่ของนักศึกษาจำนวน 5 ล้านบาท



แต่เรื่องมาแดง เมื่อตำรวจไทยได้ประสาน ตำรวจกัมพูชาบุกไปช่วย จนทำให้นักศึกษาสงสัยว่าใครเป็นตำรวจจริงเพราะในสายโทรศัพท์ก็อ้างว่าเป็นตำรวจเช่นกัน



โดยนักศึกษารายนี้ ไปศึกษาที่ต่างประเทศโดยไม่ทราบว่าประเทศไทยมีการระบาดของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพิ่งกลับมาเมืองไทยได้ 2วัน ตั้งข้อสังเกตว่าเพิ่งไปซื้อซิมโทรศัพท์มาใช้ แต่เหตุใด แก๊งคอลเซ็นเตอร์ถึงทราบหมายเลข และทราบข้อมูลส่วนตัว โทรศัพท์มาหาบอกข้อมูลได้ตรงหมด โดยส่งหมายคดีฟอกเงิน และสาเหตุที่เชื่อเพราะมีการวิดีโอคอล แต่งชุดเป็นตำรวจจริงจึงโอนเงินไปให้ตรวจสอบหมดบัญชีกว่าแสนบาท นับเป็นวิธีการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่มาทุกรูปแบบ เพื่อหลอกคนไทยอย่างต่อเนื่อง