กรมสรรพสามิต ชงของบกลาง 7 พันล้านอุดหนุนรถยนต์ไฟฟ้า

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประกาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมฯ อยู่ระหว่างของบกลาง จากสำนักงบประมาณ อีกราว 7,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการจ่ายเงินอุดหนุนรถยนต์ไฟฟ้า หรือ อีวี อีก 3.5 หมื่นคัน ตามมาตรการอีวี 3.0 ของรัฐบาล หลังจากที่ได้มีการจ่ายเงินอุดหนุนรอบแรกไปแล้ว ราว 4 หมื่นคัน คิดเป็นวงเงิน 7,000 ล้านบาท โดยอยู่ระหว่างเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)


โดยปัจจุบันมีค่ายรถเข้ามาเซ็นสัญญา เพื่อรับสิทธิประโยชน์ตามมาตรการสนับสนุนอีวี 3.0 แล้ว 23 บริษัท ซึ่งจะได้รับการลดอัตราภาษีสรรพสามิตจาก 8% เหลือ 2% และได้รับเงินอุดหนุนคันละ 7 หมื่น - 1.5 แสนบาท ตามขนาดของแบตเตอรี่ และมีเงื่อนไขว่า ค่ายรถต้องตั้งฐานการผลิตในไทย เพื่อชดเชยการนำรถอีวีเข้ามาขาย 1 เท่า และต้องเริ่มผลิตรถอีวีในไทยตั้งแต่ปี 2567-2568


ซึ่งขณะนี้ มีค่ายรถที่เตรียมเข้ามาลงทุนในไทยแล้ว คิดเป็นเม็ดเงินราว 4 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญ ที่ช่วยสนับสนุนอุตสาหกรรมอีวีในไทยให้กลายเป็นฐานการผลิตที่สำคัญของโลก นอกจากนี้รัฐบาลยังเดินหน้าสนับสนุนอุตสาหกรรมอีวีต่อเนื่อง ผ่านมาตรการอีวี 3.5 ซึ่งปัจจุบันมีค่ายรถยนต์เข้ามาเซ็นสัญญากับกรมฯ เพื่อรับสิทธิประโยชน์แล้ว 8 ราย โดยจะได้รับเงินอุดหนุนราคารถยนต์เช่นเดียวกัน


แต่แตกต่างจากมาตรการอีวี 3.0 โดยรถอีวี ราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท ขนาดแบตเตอรี่ตั้งแต่ 50 กิโลวัตต์ จะได้รับเงินอุดหนุน 1 แสนบาทต่อคันในปีแรก และ 7.5 หมื่นบาทต่อคันในปีที่ 2 และ 5 หมื่นบาทต่อคันในปีที่ 3-4 / ส่วนรถอีวีที่มีขนาดแบตเตอรี่ต่ำกว่า 50 กิโลวัตต์ จะได้รับเงินอุดหนุน 5 หมื่นบาทต่อคันในปีที่แรก และ 3.5 หมื่นบาทต่อคันในปีที่ 2 และ 2.5 หมื่นบาทต่อคัน ในปีที่ 3-4) และลดภาษีสรรพสามิตจาก 8% เหลือ 2% ส่วนรถยนต์ใช้น้ำมัน จะหารือกับ บีโอไอ เร่งออกมาตรการช่วยเหลือ ซึ่งจะเป็นมาตรการทางภาษี เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนผ่านจากอุตสาหกรรมรถยนต์สันดาป สู่ ยานยนต์ไฟฟ้าด้วย