สังคม
ผู้เสียหายแจ้งความมูลนิธิฉ้อโกงเงิน หลอกซื้อวุฒิการศึกษา เหยื่อหลงเชื่อโอนเงินกว่า 2 แสนบาท
โดย jeeraphat_d
2 ก.ค. 2567
593 views
ผู้สื่อข่าวของเราก็ได้ถามต้นอ้อ เป็นหนึ่ง กรณีมีผู้เสียหายส่งข้อมูลให้กับทนายธรรมราช ว่าถูกฉ้อโกง ซึ่งสร้างต้นอ้อบอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวยังไม่อยากขอชี้แจงถ้าทนายธรรมมราชหรือใครอยากจะออกมาพูดถึงเรื่องนี้ก็ปล่อยให้พูดไป เดี๋ยวเธอจะออกมาชี้แจงในภายหลัง ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวไม่เกี่ยวกับมูลนิธิตอนนี้ขอโฟกัสเรื่องการทำงานยอมรับว่ามีคนรักก็มีมีคนเกลียด และอดีตที่ผ่านมาก็ไม่เคยบอกว่าตัวเองสวยหรู ซึ่งตอนนี้ก็รู้แล้วว่าใครเป็นคนส่งข้อมูลให้กับทนายธรรมมราชเพื่อโจมตี ก็ไม่ได้หนักใจอะไรเพราะรู้อยู่แล้วว่าเป็นคนกลุ่มไหน ก็ให้ว่ากันไปตามกฎหมาย เพราะตอนนี้ก็มีทนายที่จะมาดูแลเรื่องนี้อยู่แล้ว
ขณะที่ นายชลกฤต เลขาธิการมูลนิธิเป็นหนึ่ง ผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิเป็นหนึ่ง วันนี้เพิ่งเริ่มทำงานได้ออกมาชี้แจงกรณีที่มีการพาดพิงว่าทางมูลนิธิมีการฟอกเงิน ซึ่งขอยืนยันว่าทางมูลนิธิไม่มีการฟอกเงินหากใครมีข้อมูลก็สามารถที่จะไปยื่นเรื่องตรวจสอบที่นายทะเบียนมูลนิธิได้ ที่ผ่านมาก็ทำงานเพื่อประชาชนไม่มีการฟอกเงินแต่อย่างใด ส่วนกรณีที่บอกว่ามีสมาชิกที่ลาออกก็มีสมาชิกลาออกเพียง 1 ท่าน ด้วยเหตุผลส่วนตัว ส่วนเรื่องของคุณต้นอ้อเป็นหนึ่ง ก็เป็นเรื่องส่วนบุคคลไม่เกี่ยวทางมูลนิธิก็ขอให้แยกแยะ เป็นประเด็นๆไป
เมื่อวานนี้ มีผู้เสียหายหญิงรายหนึ่ง อายุ 42 ปี ได้มาพบพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสกลนคร เพื่อแจ้งว่า ตนเองได้ไปร้องทุกข์กับมูลนิธิแห่งหนึ่ง เพื่อให้ขอช่วยเหลือด้านคดีที่ถูกสามีทำร้ายร่างกาย และฮุบสมบัติ และจึงได้ปรึกษาว่าอยากจะมีตัวตน อยากจะให้เขารู้สึกเกรงขาม จึงปรึกษากับมูลนิธิผู้หญิงรายนี้ โดยยื่นข้อเสนอว่าให้ตนเองซื้อวุฒิการศึกษาจากมหาวิทยาลัย แล้วไปยื่นสมัคร หรือซื้อตำแหน่งที่รัฐสภา ทำให้ตนหลงเชื่อ และทำการโอนเงินไป เมื่อปลายปี2566 และระบุว่าจะได้วุฒิในเดือนกุมภาพันธ์
แต่จากวันนั้น ถึงวันนี้ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะได้ เมื่อสอบถามไป เจ้าตัวก็บ่ายเบี่ยงว่าอธิการไม่สามารถทำได้ จนเราได้มาฟัง
เรื่องราวจากคนในมูลนิธิอีกคนหนึ่ง พบว่าปัญหาเรื่องเงิน การขอเงินต่างๆเลยเอะใจว่าตนเองน่าจะโดนหลอก เพราะเงินที่รับไปเนี่ย 150,000 บาท แต่รับเงินจากตนเองไป 200,000 บาท นั่นหมายถึงว่าเขามีค่าส่วนต่าง ตนเองจึงได้มาแจ้งความเพื่อเป็นหลักฐาน ไว้ว่าได้โดนหลอกลวง
ทีมข่าวได้พูดคุยกับคุณลักษณ์ ผู้เสียหาย อายุ 42 ปี ผ่านทางโทรศัพท์ ซึ่งขณะนี้อยู่ที่จังหวัดสกลนคร เล่าว่า ทุกอย่างเป็นไปตามใบแจ้งความ
คุณลักษณ์ เล่าว่า ก่อนหน้านี้ตนเอง ไม่ได้รู้จักกับมูลนิธิหญิงคนนี้มาก่อน แต่มีคนแนะนำให้ไปรู้จัก ตั้งแต่สมัยที่ยังไม่เป็นมูลนิธิในปัจจุบัน จึงได้ไปปรึกษาขอความช่วยเหลือด้านคดีความ และมีการพาไปออกรายการทีวี หลังถูกสามีทำร้ายร่างกาย และฮุบสมบัติ
และหลังจากนั้นก็มีการพูดคุยเรื่องซื้อขายวุฒิการศึกษากัน ตอนนั้นตนรู้เท่าไม่การณ์ แต่ตนไม่ได้มองถึงผลกระทบ ตอนนั้นตนเองเคว้งคว้างกับปัญหาที่ฟ้องอดีตสามี โดยเค้าบอกว่าถ้าซื้อตรงนี้ จะได้นั่งตรงนั้น
เหตุการณ์ของตนเกิดขึ้นเดือนตุลาคม 66 ทางมูลนิธิหญิงเสนอว่าให้มีซื้อ โดยเค้าจะดำเนินการให้ทั้งหมด เพื่อให้มีคนของมูลนิธิไปนั่งอยู่ในรัฐสภา แต่ตนเองจบการศึกษาเพียงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 แต่เค้าต้องการหาใครก็ได้ที่ไว้ใจ ไปนั่งในตำแหน่งนั้น ยืนยันว่ามูลนิธิหญิงคนนี้เป็นคนเสนอเอง
โดยตนเองโอนไป 3 ยอด แบ่งเป็น วันที่ 25 ธันวาคม 2566 จำนวน 50,000 บาท วันที่ 26 มกราคม 2567 จำนวน 50,000 บาท และ วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2567 จำนวน 99,500 บาท
ซึ่งทั้ง 3 ยอด รวมเป็นเงิน 199,500 บาท โดยเป็นการโอนผ่านไปบุคคลท่านหนึ่ง ที่ได้ยินจากเค้าอ้างว่าเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย แต่ตนก็ไม่ได้สืบอะไรในตอนนั้น เพราะไว้ไจเค้า
นอกจากนี้ ก่อนหน้านี้ วันที่ 6 พฤศจิกายน 66 มีการโอนเงินจำนวน 1,500 บาทเข้าบัญชีของมูลนิธิหญิงคนนี้ ซึ่งอ้างว่าเป็นค่าสมัคร รวมเบ็ดเสร็จทั้งสิ้น ประมาณ 2 แสน 1,000 บาท แต่มาทราบภายหลังว่าค่าใช้จ่ายจริงๆ 150,000 บาท ตนมองว่าทำไมต้องรุมตนเอง เลยตัดสินใจของจากกลุ่มดังกล่าว
ตอนแรกบอกว่าจะได้วุฒิ แต่ไม่มีหลักฐานบอกว่าปลายปี 66 แต่ต่อมาบอกเป็นกุมภาพันธ์ 67 แต่กึไม่ได้ กระทั่งตอนทำบุญบ้านตอน 6 เมษายน 67 ก็มีการถาม ก็บอกว่บมีการเปลี่ยนอธิการบดี และมีการพูดปัดไป ล่วงเลยมาถึงปัจจุบัน ยอมรับตอนนี้เหนื่อยมาก ไม่อยากได้อะไรแล้ว
โดยตนเอง ก็เคยเป็น 1 ในสมาชิกของกลุ่ม (ก่อนที่จะขอเป็นมูลนิธิ) ทำหน้าที่ลงพื้นที่เวลามีเคสต่างๆ ไปช่วยเหลือสังคม ยืนยันว่าไม่ได้ข้อขัดแย้งอะไรมากมาย แต่มูลนิธิหญิงคนนี้ เคยเอ่ยสัจจะกับตนว่า จะร่วมสร้างมูลนิธิด้วยกัน แล้วก็มีการพูดคุยเรื่องพื้นที่ ให้ตนเองดูภาคอีสาน ประธานดูภาคกลาง และมีนายแม่อีกคนเข้ามา ก็ให้ดูแลภาคใต้ ตนเองก็ดูแลทุกอย่าง แต่กลับมาได้ยินว่า เค้าหาว่าตนเองไม่ได้ซัพพอร์ตอะไรเค้าเลย มีน้อยใจเหมือนกัน
เบื้องต้นไปลงบันทึกประจำวัน เพื่อป้องกันตัวเอง ว่าเรารู้เท่าไม่ถึงการณ์ และก็เลยเอาตัวเองออกมา พร้อมย้ำว่าไม่แก้แค้นอะไรเค้า แต่ตนเองแจ้งความเพื่อป้องกัน ไม่อยากให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับคนส่วนใหญ่ วงกว้าง ไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก
ขณะเดียวกันวันนี้ ก็มีบุคคลหลายคนที่โพสต์เกี่ยวกับเรื่องนี้ หนึ่งในนั้นรวมถึง อ.อ๊อด รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ ที่โพสต์ถึงกรณีการซื้อวุฒิการศึกษา
โดยระบุว่า จากข้อมูลที่ตนเองได้มา มองว่าเป็นกระบวนการฟอกตัวหรือชุบตัว และไม่ได้เกี่ยวกับเฉพาะเรื่องการหลอกเอาเงินเท่านั้น แต่นี่คือการเป็นนายหน้า ซื้อใบปริญญาจากมหาวิทยาลัยหนึ่ง โดยมีอาจารย์และเจ้าหน้าที่ฝ่ายทะเบียน เป็นตัวการในการประสานงานแล้วเรื่องรับเงิน
แล้วก็ประธานมูลนิธิคนนี้ถ้าดูจะไปแจ้งความมีการหักหัวคิว หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่สำนักทะเบียนก็จะไปเพิ่มรายชื่อว่าเป็นนักศึกษาที่เราจบ และจะมีอาจารย์คนหนึ่ง ก็จะเป็นคนเซ็นและเอกสารเหล่านี้ก็จะส่งให้สภามหาวิทยาลัยซึ่งสภาก็จะไม่รู้เรื่อง ซึ่งแต่งตั้งโดยกระทรวง อว. เค้าก็จะอนุมัติบุคคลนั้นก็จะได้ปริญญาตรีไปเลย
นอกจากนี้เมื่อซื้อปริญญาแล้วก็จะมีการซื้อตำแหน่งทางการเมือง ก็ซื้อในราคา 60,000 บาท ตอนแรกเข้าใจว่าเป็นข่าวรวงแต่ทางร้อยเวรเจ้าของคดีบอกว่ามีโอกาสเข้ามาแจ้งความจริง
ทีมข่าวได้สอบถามไปที่ร้อยเวรเจ้าของคดี ยืนยันว่า เมื่อวานนี้ มีผู้เสียหายเดินทางเข้ามาลงบันทึกประจำวันจริง ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้มีการสอบปากคำผู้เสียหาย หลังจากนี้จะมีการเชิญตัวผู้แจ้งมาสอบปากคำก่อน ซึ่งยังไม่ได้มีการกำหนดวัน และหากสอบแล้วมีมูล ก็อาจจะมีการเรียกคู่กรณีที่ถูกกล่าวหามาสอบสวนเพิ่มเติมด้วย
แท็กที่เกี่ยวข้อง