สตช.เปิดยุทธการกวาดล้างกลุ่มผู้มีอิทธิพลทั่วประเทศ ยึดปืน-ยาเสพติดเพียบ

พลตํารวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พลตำรวจโทอัครเดช พิมลศรี , พลตำรวจโทอิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พลตำรวจโทจิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ร่วมกันเปิดยุทธการประชาราษฏร์ 767 ตรวจทั่วประเทศ กว่า 183 จุด มีเป้าหมายที่ต้องการตัวในครั้งนี้ 200 ราย แบ่งเป็น บช.ก. 44 จุด , บช.น. 16 จุด . ภ.1 20 จุด, ภ.2 10 จุด, ภ.3 13 จุด, ภ.4 11 จุด , ภ.5 20 จุด, ภ.6 11 จุด , ภ.7 10 จุด, ภ.8 18 จุด , ภ.9 14 จุด

สามารถตรวจค้นปืนไม่มีทะเบียนได้มากกว่า 732 กระบอก , ปืนมีทะเบียนจำนวน 143 กระบอก , อาวุธสงครามจำนวน 2 กระบอก , วัตถุระเบิด 3 ลูก กระสุนปืนจำนวน 5,443 นัด ยาบ้าจำนวน 725,854 เม็ด , ยาไอซ์ 0.02 กรัม , ยาเค 3.35 กรัม , โปรแกรมที่เกี่ยวข้องกับความรวมความผิดจำนวน 21 คัน , รถจักรยานยนต์จำนวน 21 คัน และสมุดบัญชีเงินฝากที่ต้องนำมาตรวจสอบจำนวน 10 บัญชี

โดย พลตํารวจเอกกิตติ์รัฐ ระบุว่า การปฏิบัติการในวันนี้ เป็นการปฏิบัติการร่วมกันหลายหน่วย โดยมีกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เป็นเจ้าภาพ ซึ่งการปฏิบัติงานในครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 21 มีนาคมที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีได้มีการมอบนโยบายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการกวาดล้างกลุ่มผู้มีอิทธิพลที่คอยคุกคามประชาชน ซึ่งภาพรวมของการปฏิบัติการในครั้งนี้ถือว่าได้ผลเป็นที่น่าพอใจ มีการสามารถกำหนดจุดเป้าหมายค้นได้ทั้งหมด 183 จุด และเป้าหมายตัวบุคคลที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องการตัวกว่า 200 ราย ซึ่งที่ผ่านมาจะเห็นว่าการปฏิบัติการใหญ่แบบนี้เคยเกิดขึ้นมาก่อนในอดีตแต่ไม่เคยสามารถระบุระบุตัวผู้ความผิด หรือการข่าวที่ระบุไปถึงการครอบครองสิ่งผิดกฎหมายได้มากถึงขนาดนี้มาก่อน

ซึ่งเป้าหมายที่มีการเข้าตรวจค้นในวันนี้เป็นเป้าหมาย ที่มีพฤติการณ์ย่อยเกี่ยวกับแก๊งอาชญากรรม , เงินกู้นอกระบบระบบ , ผู้มีอิทธิพล , กลุ่มคนที่มีพฤติกรรมในการเกี่ยวข้องกับการฮั้วประมูล , กลุ่มบุคคล ที่มีพฤติกรรมในการบุกรุกที่สาธารณะ และ กลุ่มคนที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ซึ่งจากการตรวจค้น ในวันนี้ สามารถตรวจยึดอาวุธปืน ได้จำนวนมากกว่า 700 กระบอกที่ไม่มีทะเบียน และเครื่องกระสุนต่างๆ เป็นจำนวนมาก

โดยการตรวจค้นจับกลุ่มเป้าหมายในวันนี้ พบว่าเป็นกลุ่มบุคคลที่ชอบใช้ความรุนแรง ซึ่งมีบางส่วนที่การเข้าตรวจค้นสามารถตรวจยึดยึดของผิดกฎหมายได้ แต่ตัวเป้าหมายหลบหนีไหวตัวทัน ซึ่งได้กำชับให้เร่งติดตามกับคุณตัวมาดำเนินคดี ส่วนการที่ผู้ต้องหาหลบหนีไปได้ไม่ได้มาจาก การข่าวที่รั่วไหลของทางตำรวจแต่เชื่อว่าเป็นจังหวะที่ผู้ต้องหาอาจจะออกไปจากพื้นที่ก่อน

การเปิดปฏิบัติการในครั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่มีข้อกังวลใดๆ หากว่าผู้ทำความผิดอาจมีส่วนเกี่ยวข้อง หรือมีความสัมพันธ์กับกลุ่มการเมืองในพื้นที่ ยืนยันว่าทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปฏิบัติไปตามหน้าที่เพื่อกวาดล้างผู้ทำความผิดและผู้มีอิทธิพล

โดยขณะนี้การปฏิบัติการตรวจค้นมีการปฏิบัติการไปแล้วมากกว่า 120 จุด ยังคงเหลือผลการปฏิบัติงานที่ต้องรอผลอัพเดทเพิ่มเติมอีก จึงจะมีการเปิดการแถลงข่าวในวันพรุ่งนี้อย่างเป็นทางการ พร้อมนำของกลางมานำเสนอต่อพี่น้องประชาชนอีกครั้ง