สังคม
ทลายแก๊งคอลฯของนายทุนจีน อ้างเป็นคนดัง ตุ๋นคนวัยเกษียณลงทุนผ่านแอปฯ สูญเงินกว่า 200 ล้าน
โดย petchpawee_k
29 มิ.ย. 2567
65 views
พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท.,พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3 พ.ต.อ.อดิชาต อมรประดิษฐ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 ร่วมเเถลงการ การจับกุมเครือข่ายหลอกวัยเกษียณลงทุน อ้างเป็นบุคคลดัง บุกค้น 6 จุดกลางกรุงเทพ จับกุมผู้ต้องหาได้กว่า 30 รายพร้อมยึดของกลางได้อีกเป็นจำนวนมาก
พล.ต.ท.วรวัฒน์ กล่าวว่า สืบเนื่องจาก บก.สอท.3 ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายซึ่งเป็นกลุ่มผู้สูงอายุหลายราย ว่าได้ถูกคนร้ายหลอกให้ลงทุนผ่านแอปพลิเคชันชื่อ “PENFOLD” และผ่านแอปพลิเคชันชื่อ “IBTM” จากการตรวจสอบข้อมูลในระบบรับแจ้งความออนไลน์ พบว่ามีคดีลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้นแล้วประมาณ 40 เคสไอดี รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 200 ล้านบาท โดยคนร้ายมักสร้างเฟซบุ๊กปลอมแอบอ้างเป็นผู้มีชื่อเสียงด้านการลงทุน เช่น อาจารย์คเชน เบญจกุล, ดร.วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล เป็นต้น
หรือใช้วิธีการแฝงตัวเข้าไปในกลุ่มเฟซบุ๊กจริงที่เกี่ยวกับการลงทุน จากนั้นคนร้ายจะติดต่อเหยื่อเพื่อแนะนำหรือชักชวนให้เหยื่อลงทุนกับคนร้าย หากหลงเชื่อ คนร้ายจะให้เหยื่อแอดไลน์ส่วนตัวเพื่อสอนวิธีการเทรดหุ้น โดยสร้างตัวตนในไลน์ว่าเป็นผู้ช่วยด้านการลงทุน จากนั้นให้เหยื่อดาวน์โหลดและติดตั้งแอปพลิเคชันที่เกี่ยวกับการลงทุนซึ่งคนร้ายได้สร้างปลอมขึ้นมา แล้วหลอกให้เหยื่อโอนเงินมาลงทุนเป็นระยะ หากเหยื่อต้องการถอนเงิน คนร้ายจะอ้างเหตุผลต่างๆ เพื่อให้เหยื่อโอนเงินเพิ่มก่อนถึงจะถอนเงินได้ แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถถอนเงินออกมาได้จริง
พล.ต.ต.สถิตย์ กล่าวว่า ต่อมาเจ้าหน้าที่ บก.สอท.1และบก.สอท.3 ได้ สืบสวนเส้นทางการเงินพร้อมรวบรวมพยานหลักฐานจนนำไปสู่การขออำนาจศาลออกหมายจับกลุ่มคนร้ายได้จำนวน 66 หมายจับ และได้ระดมกำลัง เข้าตรวจค้นเป้าหมายจำนวนหกจุดในพื้นที่กรุงเทพมหานครสามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้จำนวน 30 ราย ทั้งกลุ่มแอดมิน ผู้จัดหาบัญชีม้า รวมถึงบัญชีม้า โดยมีผู้ต้องหาคือรายสำคัญคือ น.ส.ปานชีวัน (สงวนนามสกุล )อายุ 33 ปี และ น.ส.ชานิภา (สงวนนามสกุล) อายุ 39 ปี ซึ่งเป็นบุคคลใกล้ชิด กับชาวจีนระดับหัวหน้าขององค์กร
โดยทั้ง 2 คนทำหน้าที่เป็นผู้จัดหาบัญชีม้าและจัดหาคนเข้ามาทำงาน ในองค์กร โดยวิธีการประกาศรับสมัครงานผ่านทางเฟซบุ๊ก นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้ตรวจยึดเครื่องคอมพิวเตอร์ จำนวน 14 เครื่อง โทรศัพท์ จำนวน 6 เครื่อง เอกสารการรับสมัครงาน สมุดบัญชีธนาคารเอกสารสคริปต์บทสนทนาของคนร้ายที่เตรียมไว้สำหรับหลอกเหยื่อ และเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดอีกหลายรายการ
พล.ต.ต.ชัชทัณฑกานต์ เปิดเผยว่า พฤติกรรมการหลอกลวงประเภทนี้คือไฮบริดสแกรม หลอกลวงกลุ่มเป้าหมายเพื่อเข้าร่วมลงทุนโดยการสร้างความน่าเชื่อถือผ่านสื่อออนไลน์ และสร้างโปรแกรมเสมือนจริงมาเป็นเครื่องมือหลอกโอนเงิน ปัจจุบันพบการแจ้งความถูกหลอกในลักษณะนี้มาถึง 60,000 คน มีมูลค่าความเสียหาย 22,000 ล้านบาท จึงเป็นสิ่งที่ตำรวจไซเบอร์ต้องเร่งขยายผลทลายเครือข่ายดังกล่าวให้หมดไป
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, เป็นอั้งยี่, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, สมคบกันโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน เพราะเหตุที่ได้พบกัน, และร่วมกันฟอกเงิน และนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
แท็กที่เกี่ยวข้อง หลอกลงทุน ,แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ,ตุ๋นคนวัยเกษียณ