สังคม

'บิ๊กโจ๊ก' เดินหน้าฟ้องนายกฯ- 3 ต. 'ต่อ-ต่าย-เต่า' หากไม่เพิกถอนคำสั่งออกจากราชการ

โดย panisa_p

24 มิ.ย. 2567

59 views

"บิ๊กโจ๊ก" เดินหน้าฟ้อง 3 บิ๊ก ต. ต่อ-เต่า-ต่าย และนายกรัฐมนตรี ย้ำที่ผ่านมา ตนเองโดนกลั่นแกล้ง รังแก ตัดขา ชี้ไม่ทราบเรื่องดีลลับ กลับ สตช.



พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมายังศาลอาญากรุงเทพฯใต้ ตามการนัดไต่สวนมูลฟ้องคดีที่เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พลตำรวจตรีจรูญเกียติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กรณีหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา จากกรณีที่ บิ๊กเต่าให้สัมภาษณ์กับสื่อกล่าวหาตัวเองมีส่วนเกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ รวมถึงการนำข้อมูลทางสำนวนไปให้สัมภาษณ์ ทั้งที่เป็นพนักงานสอบสวนรวบรวมข้อมูลส่งป.ป.ช. โดยเมื่อ บิ๊กโจ๊ก มาถึง ก็บอกว่า ทางบิ๊กเต่าได้ขอเลื่อนการนัดไต่สวน



บิ๊กโจ๊ก ยังพูดถึงกรณีที่เคยพูดไว้ว่า หากตนเองได้กลับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะถอนฟ้องทุกคดีทั้งหมด แต่วันนี้กลับเดินหน้าฟ้อง ทั้งนายกรัฐมนตรี และ 3 บิ๊ก ต. ก็บอกว่า ตนเองไม่ได้กลืนน้ำลายตัวเอง ไม่ได้ปาหี่ แต่ที่ฟ้องก็เพราะต้องการเรียกความยุติธรรมกลับคืนมา "ถ้าวันนี้ยังให้ความยุติธรรมกับตัวเองไม่ได้ แล้วจะให้ความยุติธรรมกับตำรวจ และประชาชนได้อย่างไร"



และเมื่อถามว่ามีดีลลับให้ทุกคนกลับไปทำงานที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แบบแฮปปี้เอนดิ้งหรือไม่นั้น บิ๊กโจ๊ก บอกว่า ตนเองไม่ทราบ ตนยึดหลักความยุติธรรมในการทำงาน และที่ผ่านมาก็เห็นชัดแล้วว่าเป็นการกลั่นแกล้ง รังแก ตัดขา ซึ่งสังคมก็เห็นชัดอยู่แล้ว



ส่วนที่มีกูรูด้านกฎหมายพยายามออกมาให้คำแนะนำข้อกฎหมายกับอนุฯ ก.ตร. ว่า คำสั่งของพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ที่เซ็นให้ตนเองออกจากราชการไว้ก่อน ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งขัดกับคำวินิจฉัยของกฤษฎีกา ที่ถือเป็นมือกฎหมายของรัฐบาล บิ๊กโจ๊ก ก็ยืนยันว่า ตามหลักกฎหมาย อนุฯ ก.ตร. ไม่มีหน้าที่วินิจฉัยคำร้องทุกข์ แต่เป็นอำนาจของ คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ ที่มีอำนาจใช้ระบบการไต่สวนฟังความทั้ง 2 ด้าน ไม่เหมือนอนุฯ ก.ตร. ที่ฟังความข้างเดียว จึงต้องไปยื่นอุทธรณ์คำสั่งที่คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจเพราะถือเป็นศาลปกครองของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่มีอำนาจชี้ว่าจะให้ตนจะกลับไปทำหน้าเลยได้หรือไม่



บิ๊กโจ๊ก ยังย้อนถามอีกว่า ทำไมถึงไม่เพิกถอนคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนเสียที ปล่อยให้เป็น รอง ผบ.ตร. ลอยไปลอยมาแบบนี้ ตามหลักแล้ว ตนก็ยังสามารถเข้าประชุม ก.ตร. ได้ แต่ไม่เลือกที่จะทำเพราะถือเป็นการให้เกียรติ พร้อมยืนยันว่า ตนเองยังมีสถานะเป็น รอง ผบ.ตร. และหากตนเองได้กลับไป จะไปดูคำสั่งให้ออกจากราชการที่มีตำรวจถูกสั่งให้ออกราชการ 70-80 นาย ก่อนหน้านี้ ว่าเป็นธรรมหรือไม่



นอกจากที่บิ๊กโจ๊ก จะฟ้อง บิ๊กเต่า ข้อหา หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาแล้ว บิ๊กโจ๊ก ยังเดินหน้า ฟ้อง บิ๊กต่อ บิ๊กต่าย และนายกรัฐมนตรี เพราะทางกฤษฎีกาได้ตีกลับคำสั่งที่ให้บิ๊กโจ๊กออกจากราชไว้ก่อน ไปแก้ไขใหม่ให้ถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน บิ๊กโจ๊กได้ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน ก.ตร. ที่มีอำนาจนำเรื่องเข้าที่ประชุมและพิจารณาได้ ซึ่งเมื่อคำสั่งตีกลับ แต่หากนายกรัฐมนตรียังเพิกเฉยในการพิจารณา ตนเองก็จะฟ้องดำเนินคดี ม.157 กับนายกรัฐมนตรี เช่นเดียวกับ บิ๊กต่อ ที่กลับเข้าสู่ตำแหน่ง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติแล้ว หากยังไม่ดำเนินการเพิกถอนคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตามหน้าที่ในฐานะผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่มีอำนาจ ตนก็จะเดินหน้าฟ้อง ม.157 เช่นกัน



ในส่วนของบิ๊กต่าย บิ๊กโจ๊ก ก็บอกว่า ตนก็จะไป ป.ป.ช. ฟ้องเอาผิด ม.157 เพราะตั้งแต่กฤษฎีกามีคำวินิจฉัย ว่า ไม่ชอบด้วยกฎหมายและสั่งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไปดำเนินการแก้ไข ทางบิ๊กต่ายก็ยังคงเป็น รักษาการ ผบ.ตร. แต่กลับเพิกเฉย



และเมื่อถามว่าการที่ นายกรัฐมนตรี ได้บอกว่า หากส่งทั้งบิ๊กต่อ และ บิ๊กต่ายกลับไปสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หวังว่าจะเห็นความปรองดองนั้น ทางบิ๊กโจ๊ก บอกว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นองค์กรใหญ่ จะปรองดองหรือไม่ขึ้นอยู่กับนายกฯ ซึ่งนายกฯ จะต้องเดินหน้าปฎิบัติหน้าที่โดยไม่ลอยตัว ถ้านายกฯ ไม่ตัดสินใจ องค์กรก็จะอยู่ไปแบบนี้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับผู้นำ



หลังจากออกจากศาลอาญากรุงเทพฯใต้ บิ๊กโจ๊กก็ไปยัง ป.ป.ช. เพื่อให้สอบสวน บิ๊กต่าย ในม.157 กรณีมีความเห็นเซ็นคำสั่งให้ตัวเองออกจากราชการไว้ก่อน ซึ่งมิชอบด้วยกฏหมาย



บิ๊กโจ๊ก อธิบาย กระบวนการที่ให้ตนเองออกจากราชการไว้ก่อน จะต้องผ่านความเห็นของคณะกรรมการสอบสวนที่มีการแต่งตั้งขึ้นมาโดยมี พล.ต.อ. สราวุธ การพาณิชย์ เป็นประธาน ถึงจะถือว่าคำสั่งเป็นไปตามขั้นตอนที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่การเซ็นคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ของบิ๊กต่ายนั้น บิ๊กโจ๊ก บอกว่า ถือว่าพลาดเพราะรีบเร่งเซ็นให้ตนเองออกจากราชการไว้ก่อน และให้ย้อนไปดูว่าใครได้ประโยชน์จากเรื่องนี้บ้าง ซึ่งกรณีนี้แหละคือสาเหตุที่ตนเองขอให้ ป.ป.ช.สอบคนออกคำสั่งนี้ โดยเชื่อว่าทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง คงจะทราบแล้วว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย หลัง นายวิษณุ เครืองาม ออกมาแถลงข่าว และถ้ายังคงเพิกเฉยละเลย ไม่แก้ไข ตนก็จะเดินหน้าเรียกร้องความเป็นธรรม และเอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งกูรูทางกฎหมายที่ชอบให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนอย่างน้อย 2 คน คนนึงเป็นอดีตตำรวจ และ อีกคนคือหนึ่งในกรรมการ ก.ตร.



และเมื่อถามมองอย่างไรที่ความเห็นของกฤษฎีกาสวนทางกับคณะอนุกรรมการวินัย บิ๊กโจ๊ก ได้ย้อนถามว่า สื่อควรเชื่อใครมากกว่ากัน ระหว่างอนุกรรมการวินัยฯ หรือกฤษฎีกา เพราะขนาดนายกรัฐมนตรี ยังต้องขอความเห็นกฤษฎีกาเรื่องเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทอยู่เลย



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/VBei13U7O5w

คุณอาจสนใจ

Related News